ผู้ว่าแบงก์ชาติเตือนรัฐบาลให้ความสำคัญกับวินัยการคลังและคำนึงถึงเสถียรภาพในระยะปานกลางในการดำเนินนโยบาย มองแจกเงินดิจิทัล-พักหนี้เกษตรควรเจาะจงเฉพาะกลุ่ม
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเมื่อเร็วๆ นี้ ธปท. ได้มีการหารือและแชร์ข้อกังวลเกี่ยวกับแนวการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เช่น นโยบายแจกเงินดิจิทัลและการพักหนี้เกษตรกร
โดยในส่วนของนโยบายแจกเงินดิจิทัล ธปท. มีมุมมองว่าแม้ตัวเลข GDP ในช่วงครึ่งปีแรกของไทยอาจดูไม่ค่อยสวยนัก แต่การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี ซึ่งสะท้อนว่าการบริโภคไม่ใช่หมวดที่จำเป็นต้องกระตุ้นในเวลานี้ โดยมีหมวดอื่นที่ควรให้ความสำคัญมากกว่า เช่น การลงทุน
ขณะเดียวกัน ธปท. ยังมองว่า หากการแจกเงินเป็นไปแบบเจาะจงเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม หรือ Targeted ก็จะช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการแจกแบบวงกว้าง เพราะไม่ใช่ทุกคนต้องการเงิน 10,000 บาท
เศรษฐพุฒิกล่าวว่า เรื่องนโยบายเงินดิจิทัลคงต้องรอดูความชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบใด แต่จุดยืนเรายังคงเดิม คือไม่เห็นด้วยกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็น Means of Payment โดยข้อกังวลหลักๆ ของ ธปท. 2 เรื่องคือสิ่งที่เราควรไปกระตุ้นจริงๆ ในเวลานี้คือการลงทุน ไม่ใช่การบริโภค และการแจกควรทำแบบเฉพาะกลุ่ม
สำหรับนโยบายพักหนี้เกษตรกร ผู้ว่าฯ ธปท. มองว่า มาตรการพักหนี้รัฐบาลสามารถนำมาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการคลังได้ แต่ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือหลักและใช้เป็นวงกว้าง เพราะในกลุ่มเกษตรกรเองก็มีคนที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ได้ ควรหาวิธีช่วยให้ปิดจบหนี้ได้มากกว่า
โดยผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ พบว่า การพักหนี้ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ได้อย่างยั่งยืน โดย 70% ของเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือยังมีหนี้เพิ่มขึ้นและมีโอกาสเป็นหนี้เสียสูงขึ้น
ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวอีกว่า การดำเนินนโยบายต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับวินัยการคลังและคำนึงถึงเสถียรภาพในระยะปานกลางด้วย ภาครัฐควรฉายภาพให้ชัดว่ารายจ่ายและหนี้ในอนาคตจะเป็นอย่างไร หากนโยบายมีภาพที่ชัดเจนก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้
เศรษฐพุฒิกล่าวว่า การรักษาเสถียรภาพทางการคลังถือเป็นโจทย์ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญในเวลานี้ โดยตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีที่สหรัฐฯ ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากปัญหาทางการคลัง และก่อนหน้านี้อังกฤษก็เคยมีประเด็นที่รัฐบาลประกาศจะลดภาษีต่างๆ แต่ไม่มีความชัดเจนว่าจะนำเงินจากไหนมาขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่ปัญหา
“ท่านนายกฯ ก็รับฟังข้อกังวลของเรา แต่สุดท้ายนโยบายจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นกับรัฐบาล เราเข้าใจโลกความเป็นจริงว่ามันต้องมีนโยบายออกมา แต่โจทย์สำคัญคือจะทำอย่างไรให้นโยบายที่ออกมาไม่ไปกระทบเสถียรภาพจนเยอะเกินไป หรือนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์” ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว