วันนี้ (10 กันยายน) BBC รายงานว่า ทอม แซงต์ฟิเอต์ โค้ชทีมชาติแกมเบีย เปิดเผยเหตุการณ์ระทึกขวัญหลังจากประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรงในโมร็อกโกว่า กลัวจะมีเครื่องบินตกใส่โรงแรมของเขา
มีการเปิดเผยจากกระทรวงมหาดไทยของโมร็อกโกว่า มีผู้เสียชีวิตทะลุ 2,000 คนแล้วจากเหตุแผ่นดินไหว ที่วัดความรุนแรงได้แมกนิจูด 6.8 ส่งผลให้ผู้คนออกจากอาคารมาบนถนนในมาร์ราเกชและเมืองอื่นๆ
ในตอนนั้นแซงต์ฟิเอต์และทีมของเขาอยู่ที่มาร์ราเกชเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในศึกแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ รอบคัดเลือกกับทีมชาติคองโกในวันอาทิตย์นี้ (10 กันยายน)
เขาเล่าถึงประสบการณ์ผ่าน BBC World Service ว่า “มันน่าตกใจและแย่มาก ตอนแรกผมได้ยินเสียงดังมาก และคิดว่ามีคนมาเคาะประตูที่พักของผม
“ไม่กี่วินาทีต่อมา ผมคิดว่ามีเครื่องบินตกที่โรงแรมเพราะเราอยู่ใกล้กับสนามบิน แต่อีก 2-3 วินาทีต่อมาผมก็รู้ว่ามันเป็นแผ่นดินไหว
“ดูเหมือนเป็นเวลาเพียง 30 วินาที แต่ผมรู้สึกราวกับว่ามันจะไม่มีที่สิ้นสุด มันน่ากลัวจริงๆ กำแพงสั่นสะเทือน สิ่งต่างๆ หล่นลงมาจากเพดานและผนัง ในชีวิตผมไม่เคยเห็นอาคารเคลื่อนที่แบบนั้นมาก่อน
“เมื่อมันหยุดผมก็เริ่มวิ่งและตรวจสอบสมาชิกในทีมของผม แล้วพบว่าพวกเขาออกจากห้องไปแล้ว จากนั้นเราก็วิ่งออกไปนอกโรงแรม ทุกคนไปที่บริเวณสระว่ายน้ำและนอนอยู่ที่นั่น ซึ่งเป็นพื้นที่กลางแจ้งกับแขกคนอื่นๆ เพราะได้รับแจ้งว่าเราไม่สามารถกลับห้องของเราได้
“มันน่ากลัวมาก เราได้ยินเสียงรถพยาบาลทั้งคืน และต้องคอยเช็กข่าวอยู่เสมอ เป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับเรา แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้เสียชีวิตทั้งหมดและชาวโมร็อกโก”
อันที่จริงเกมระหว่างแกมเบียกับคองโก จะต้องเล่นกันในประเทศแกมเบีย แต่ถูกสหพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา หรือ CAF สั่งให้ย้ายไปเล่นในโมร็อกโก เนื่องจากสนามกีฬาของแกมเบียไม่อยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสมในการแข่งขันระดับนานาชาติ จนเป็นเหตุให้แซงต์ฟิเอต์และลูกทีมต้องเจอกับเหตุระทึกขวัญดังกล่าว
โดยเกมระหว่างแกมเบียกับคองโก ยังเป็นเกมสำคัญที่จะตัดสินว่าชาติไหนจะคว้าตั๋วไปเล่นในรอบสุดท้ายของแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ในปีหน้า ที่ไอวอรีโคสต์เป็นเจ้าภาพ
นอกจากแกมเบียและคองโกจะประสบปัญหาในการลงสนามแล้ว เกมระหว่างโมร็อกโกพบไลบีเรีย ที่จะเล่นกันในเมืองอกาดีร์ ที่ห่างจากมาร์ราเกชออกไปราว 258 กิโลเมตร ก็มีอันต้องยกเลิกไปอีกคู่หนึ่งด้วย
อ้างอิง:
