ในยุคดิจิทัลที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีที่วิ่งไม่คอยใคร องค์กรธุรกิจจะอยู่รอดได้ก็ด้วย ‘นวัตกรรม’ ที่จะช่วยยกระดับองค์กรให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันในระดับสากลและยืนหยัดเป็นผู้นำโลกได้ ท่ามกลางกระแส Digital Disruption ที่ถาโถมเข้าใส่ทุกภาคอุตสาหกรรมอย่างไม่ปรานี
อาเซียนไม่ต่างจากภูมิภาคอื่นๆ ของโลกที่ต้องปรับตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ไทยซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคแห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน แน่นอนว่ากัปตันเรือที่จะนำพาลูกเรือฟันฝ่าคลื่นลมมรสุมระลอกแล้วระลอกเล่าคงหนีไม่พ้นผู้นำหรือผู้บริหารขององค์กรธุรกิจต่างๆ
ดังนั้นศูนย์ SEAC (South East Asia Center) ซึ่งเป็นศูนย์บ่มเพาะผู้นำและผู้บริหารระดับสูงจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นแหล่งพัฒนาทักษะในทุกมิติด้วยเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้ผู้นำสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำพาองค์กรธุรกิจทั้งในไทยและอาเซียนผงาดขึ้นเป็นองค์กรระดับโลกที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างภาคภูมิ ไม่แพ้อเมริกา ยุโรป และจีน
จุดเด่นของ SEAC จึงไม่ใช่แค่เพียงศูนย์เทรนนิงหรือแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้นำและผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น เพราะที่นี่ยังคำนึงถึงระบบนิเวศที่ครบวงจรและประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยคอนเซปต์การออกแบบที่ใส่ใจกับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ตั้งแต่การวางผังโซนและสเปซต่างๆ การจัดวางโต๊ะเก้าอี้ สื่อ และอุปกรณ์การเรียนรู้ภายในห้องอย่างพิถีพิถัน เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรและโปรแกรมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ผู้นำธุรกิจหรือสตาร์ทอัพในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม
SEAC ยังจับมือเป็นพาร์ตเนอร์ระดับเอกสิทธิ์ (Exclusive Partnership) กับสถาบันการศึกษาและสถาบันฝึกอบรมชั้นนำของโลกหลายแห่ง อาทิ ศูนย์ Stanford Center for Professional Development มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด, สถาบันอาร์บิงเจอร์ (The Arbinger Institute), สถาบันเคน บลานชาร์ด (The Ken Blanchard Companies), สถาบันทิเรี่ยน (Tirian) เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริหารในการพัฒนาทักษะด้วยโปรแกรมระดับมืออาชีพ โดยที่ไม่จำเป็นต้องบินไปอบรมหรือเทรนนิงถึงต่างประเทศอีกต่อไป
รู้เท่าทันโลกและสร้างนวัตกรรมได้อย่างยั่งยืน คือหัวใจของผู้นำยุคใหม่
“หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร และนำความเปลี่ยนแปลงมาพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้ คือผู้นำองค์กรที่มีศักยภาพ รู้เท่าทันสถานการณ์ เห็นเทรนด์ทางธุรกิจ และกล้าที่จะเปลี่ยน” อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC กล่าวในงานเปิดตัวศูนย์บ่มเพาะผู้นำและผู้บริหารระดับสูงเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เพราะโลกธุรกิจที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ คู่แข่งจึงไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมหรือประเทศเดียวกันอีกต่อไป แต่คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดอาจมาจากอุตสาหกรรมอื่น หรือจากต่างประเทศ การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงไม่สามารถประสบความสำเร็จและอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน หากยังยึดติดกับการทำธุรกิจจากฐานลูกค้ากลุ่มเดิม ตลาดเดิม และด้วยวิธีการแบบเดิมๆ
“เราเชื่อมั่นว่าผู้นำและบุคลากรในประเทศไทยและอาเซียนมีความสามารถและเปี่ยมด้วยศักยภาพ แต่อาจยังไม่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งโปรแกรมต่างๆ ของ SEAC จะเป็นตัวช่วยให้ผู้นำสามารถดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในด้านต่างๆ ออกมาใช้ในการบริหารองค์กร และเมื่อองค์กรมีความก้าวหน้า เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัว ควบคู่ไปกับสังคมและประเทศที่พัฒนารุดหน้า ซึ่งถือเป็นปณิธานสูงสุดของ SEAC”
“นอกจากนี้ อีกหนึ่งรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงใบนี้คือ ‘นวัตกรรม’ โดยนอกจาก SEAC จะมุ่งมั่นเป็นศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำแล้ว เรายังเน้นบ่มเพาะ ‘ผู้นำที่สามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างยั่งยืน’ และผู้นำที่สามารถสอนให้บุคลากรในองค์กรเกิดความตื่นตัวที่จะสร้างนวัตกรรมได้ด้วยตนเอง” ตัวแทนหญิงแห่ง SEAC กล่าวเสริม
“มีทฤษฎีมากมายที่สอนเรื่องการเป็นผู้นำ แต่ยังไม่มีหนังสือตำราและทฤษฎีใดที่สอนเรื่องการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้นำที่เท่าทันโลกได้อย่างครอบคลุมเท่า SEAC และด้วยศักยภาพและประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานจากการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ของ SEAC จึงทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ที่นี่จะสามารถเป็นหัวเรือใหญ่ที่นำพาองค์กรโลดแล่นอย่างสง่างามและมั่นคง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ” อริญญาทิ้งท้าย
เมื่อทุกไอเดียเริ่มต้นบนกระดาษ สู่แนวคิดการออกแบบพื้นที่สุดสร้างสรรค์
นอกจากสื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน SEAC ยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่การออกแบบภายใน โดยพื้นที่ทั้ง 3 ชั้นของศูนย์ฯ มีการดีไซน์ด้วยคอนเซปต์ ‘Unfolding Paper’ หรือ การคลี่กระดาษ เพราะเราจะเห็นได้ว่านักคิดหรือนักประดิษฐ์ในอดีต หรือแม้แต่ในปัจจุบัน จะเริ่มถ่ายทอดแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ ลงบนแผ่นกระดาษก่อน แน่นอนว่าหลายๆ ครั้งไอเดียจากการขีดๆ เขียนๆ หรือลองผิดลองถูกอาจยังใช้ไม่ได้ผล จึงต้องขยำกระดาษทิ้ง แล้วเริ่มเขียนแผ่นใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งได้ไอเดียบนกระดาษที่สามารถใช้ได้จริงในที่สุด ดั่งความเชื่อที่ว่าคนที่ลงมือทำแล้วผิดพลาดเท่านั้น จึงจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองจนประสบความสำเร็จได้
SEAC จึงออกแบบผนังและเพดานในแต่ละชั้นเป็นรูปกระดาษที่ค่อยๆ คลี่ออกจากชั้นแรกที่เป็นกระดาษยับยู่ยี่ มีรอยพับและรอยหยักสู่ชั้นสุดท้ายที่เป็นกระดาษแผ่นเรียบ อันบ่งบอกถึงแนวคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตกผลึกแล้ว
นอกจากนี้ ห้องเรียน ห้องประชุม ห้องสัมมนา และสเปซต่างๆ ของที่นี่ล้วนถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และการทำงานร่วมกัน พร้อมจุดประกายพลังความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัดให้กับผู้นำและผู้บริหาร ด้วยการตกแต่งภายในที่มอบบรรยากาศผ่อนคลาย คำนึงถึงแสงสว่างจากธรรมชาติเพื่อไม่ให้รู้สึกอุดอู้ เพราะ SEAC มีความเชื่อว่าบรรยากาศภายในศูนย์จะสามารถสร้าง Learning Ecosystem (สังคมแห่งการเรียนรู้) และ Learning Experience (ประสบการณ์การเรียนรู้) ให้แก่ผู้เรียน ซึ่งมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ไม่น้อยไปกว่าตำราการเรียนการสอนในหลักสูตรที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
โดยผู้อยู่เบื้องหลังคอนเซปต์การออกแบบศูนย์แห่งนี้คือคุณเจมส์ เองเกล หนึ่งในทีมผู้บริหารของ SEAC ผู้คร่ำหวอดในวงการเทรนนิงมาอย่างยาวนาน จึงมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งใดที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ โดย SEAC ยังได้ The Beaumont Partnership มาร่วมออกแบบตามโจทย์ที่วางไว้ ก่อนจะร่วมรังสรรค์เป็นศูนย์การเรียนรู้อันล้ำสมัย และฉีกทุกข้อจำกัดของการเรียนรู้แบบเดิมๆ
อีกหนึ่งไอเดียเก๋ไก๋คือการตั้งชื่อห้องประชุม ห้องเทรนนิง และสเปซต่างๆ ตามชื่อเมืองหลวงของประเทศในอาเซียน ซึ่งสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียนของ SEAC โดยทุกห้องถูกออกแบบให้เป็นห้องเก็บเสียง พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ได้อย่างไร้รอยต่อ อาทิ LCD Projectors, Digital Signage, Techno-Booths, Group-Work Pods, Video-Conferencing, Flip Charts และ Wi-Fi ที่เข้าถึงได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ทุกพื้นที่ยังสามารถปรับเปลี่ยนการจัดวางได้ตามความประสงค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน สำหรับของตกแต่งภายในยังเสริมด้วยดีไซน์ ‘Coding Innovation Wall’ โดยทุกๆ ห้องจะมีมุมรองรับความคิดและไอเดียใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ผู้เรียนสามารถแปะกระดาษหรือขีดเขียนบนผนัง กำแพง หรือประตู ก็ทำได้ทุกที่ไม่จำกัด
สำหรับพื้นที่ 3 ชั้นของศูนย์ SEAC แบ่งเป็นโซนต่างๆ ดังนี้
ชั้นที่ 1 The Hub: นวัตกรรมเริ่มจากที่นี่
พื้นที่ชั้นแรกเปรียบเสมือน Innovation Hub ซึ่งใช้สำหรับรับรองแขกผู้มาเยือน โดยสามารถนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ พบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิด และระดมสมอง โดยพื้นที่ทั้งชั้นจะเน้นใช้สีโทนร้อน พร้อมตกแต่งให้รู้สึกถึงความอบอุ่น เหมือนอยู่บ้านตัวเองในบรรยากาศที่สบายๆ เพื่อให้ความคิดโลดแล่นและนำไปสู่ผลงานสร้างสรรค์
ชั้นที่ 2 Center for Innovation and Leadership: จุดบรรจบแห่งนวัตกรรมและภาวะผู้นำ
บนชั้นนี้มีห้อง The Capital ซึ่งเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ สามารถรองรับผู้เรียนได้มากกว่า 180 คน และยังมีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารและของว่าง ด้วยบรรยากาศภายในห้องที่ฉีกกฎเกณฑ์จากห้องเรียนและห้องประชุมทั่วไป เพราะตกแต่งให้มีสีสันขึ้นมาอีกระดับ ให้ความรู้สึกที่ไม่จำเจ เพื่อกระตุ้นให้ผู้นำและผู้บริหารมีความกระหายความรู้และตื่นตัวกับสิ่งรอบข้าง ซึ่งจะช่วยจุดไอเดีย ทำให้กล้าคิด กล้าลงมือทำ และพร้อมที่จะเรียนรู้
ชั้นที่ 3 Center for Executive Education: แหล่งรวมผู้บริหารระดับหัวกะทิ
เอกลักษณ์ของชั้น 3 คือ ชั้นนี้ถูกเนรมิตขึ้นเพื่อผู้นำและผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ ด้วยการตกแต่งโทนสีเข้ม เรียบง่าย เน้นความหรูหราเสมือนโรงแรมระดับ 5 ดาว เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้เรียน ส่วนชื่อห้องประชุมย่อยแต่ละห้องบนชั้นนี้จะตั้งตามสกุลเงินของแต่ละประเทศในอาเซียน อาทิ ริงกิต ดอง รูเปีย และอื่นๆ โดยพื้นที่ทั้งชั้นเต็มไปด้วยห้องเรียน ห้องประชุม ห้องสัมมนาขนาดใหญ่ และห้องฟังก์ชันพิเศษสุด คือ ‘ASEAN Amphitheatre’ ซึ่งสร้างเหมือนอัฒจันทร์ที่จุผู้เรียนได้มากถึง 60 คน ภายในห้อมล้อมด้วยจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ 3 จอ สามารถรับส่งสัญญาณภาพและเสียงบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อกับทุกพื้นที่ไร้ขีดจำกัด
ในโลกที่ผู้เล่นทุกอุตสาหกรรมขับเคี่ยวกันเพื่อความอยู่รอดท่ามกลางกระแส Digital Disruption และเส้นแบ่งกั้นภาคธุรกิจที่พร่ามัวทุกขณะ ผู้นำและผู้บริหารองค์กรจึงมีความท้าทายมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะความอยู่รอดนั้นขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และการมีสายพานที่คิดค้นนวัตกรรมออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ การถือกำเนิดขึ้นของศูนย์ SEAC จึงเป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับผู้บริหารและผู้นำองค์กรในการเรียนรู้ คิดค้นนวัตกรรม และต่อยอดไอเดียสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับบริษัทในไทยและอาเซียนให้มีความทัดเทียมหรือเหนือกว่าองค์กรธุรกิจของภูมิภาคอื่นทั่วโลก
- SEAC ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 4,550 ตารางเมตร ของอาคาร FYI Center ใกล้กับ MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับผู้บริหารและผู้นำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้