วันนี้ (23 สิงหาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการขอพระราชทานอภัยโทษของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาตนได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยไปหารือเรื่องการนับระยะเวลาว่าจะต้องนับอย่างไร
เมื่อถามว่า คืนวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ทักษิณเข้าโรงพยาบาลด่วน ได้รับรายงานอย่างไร วิษณุกล่าวว่า เมื่อตอนเวลา 01.00 น. ตนได้นอนแล้ว แต่มีข้อความส่งมาทางไลน์ แจ้งด่วนว่าทักษิณแน่นหน้าอกและหายใจไม่พอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางเรือนจำต้องตัดสินใจเอง
เมื่อถามต่อว่า ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์มีระยะเวลาการเข้ารับการรักษาตัวในกรณีนักโทษเจ็บป่วยอย่างไร วิษณุกล่าวว่า ต้องรอดูสักระยะ ซึ่งความจริงไม่มีกำหนดเวลา และต้องฟังแพทย์เท่านั้น เขาไม่ฟังตนหรอก
เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ทักษิณเข้ารักษาตัวด่วนเป็นการเข้ารับการรักษาเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาตนได้ไปกำชับกับแพทย์และขอดูหลักฐานทางการแพทย์ ประวัติ 17 ปีที่ผ่านมาเขาเอาออกมาหมด ซึ่งขั้นตอนมีอยู่แล้ว และได้คุยกับแพทย์ว่าเป็นธรรมดาของคนที่กินดีอยู่ดี นอนสะดวกอยู่สบาย เมื่อมาอยู่ในที่คุมขัง
“ส่วนเรื่องการจำกัดอิสรภาพ ไม่ต้องพูดกัน แต่พูดถึงเรื่องการไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่โฮเทลหรือคอนโดมิเนียม ฉะนั้นการที่นักโทษจะมีปฏิกิริยากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ประสบโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ต้องคิดถึงเขาและคิดถึงเรา ถ้าเจอก็มีโอกาสเป็นไปได้ อยู่ที่ว่าจะหายช้าหรือเร็วเท่านั้น” วิษณุกล่าว
เมื่อถามอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับทักษิณเป็นการส่วนตัวหรือไม่ วิษณุปฏิเสธ พร้อมระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุย เพราะอยู่ในช่วงการกักตัว แต่เขาบอกว่าถ้าอยากจะคุยจะให้คุยผ่านระบบซูม ซึ่งตนบอกว่าอย่าลำบากขนาดนั้น
เมื่อถามว่า ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จะไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีการอำนวยความสะดวกให้ทักษิณเป็นกรณีพิเศษเกินไป วิษณุกล่าวว่า ก็เป็นสิทธิของท่าน ยืนยันว่าเป็นมาตรการปกติในการรับตัวนักโทษ เหมือนส่ง ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ กลุ่มทะลุวัง และ แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ ไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
เมื่อถามย้ำว่า ในกรณีที่ทักษิณจะขอพระราชทานอภัยโทษ สามารถดำเนินการได้เลยใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ทำได้ตั้งแต่มาถึง จะโดยเจ้าตัวหรือญาติก็ได้ กฎหมายเขียนไว้ในมาตรา 259 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ว่าผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด หรือผู้มีส่วนได้เสีย สามารถที่จะยื่นเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ ซึ่งถ้าจบแค่นี้ก็แปลว่าเมื่อไรก็ได้ แต่จะต้องมอบตัวเข้าสู่กระบวนการก่อน
