ถ้าคุณเป็นคนที่มีดนตรีละตินในหัวใจ ได้ยินทีไรใจมันตุ๊มต่อมกระชุ่มกระชวยจนอดไม่ได้ที่จะโยกไปกับจังหวะเสียงเพลง เราอยากแนะนำให้ลองไปดื่มด่ำกับบรรยากาศและอาหารที่ FUEGO ร้านทาปาสที่ไม่เพียงแต่นำเสนอความอร่อยสไตล์สเปน แต่ยังผสมผสานกลิ่นอายญี่ปุ่น เพื่อให้รสชาติมีเอกลักษณ์และตราตรึงยิ่งขึ้น
The Vibe
เดินขึ้นชั้น 2 ของ The Taste Thonglor แล้วมองไปทางขวา ก็จะเห็นประตูทางเข้าร้านพอดี เมื่อเดินเข้าไปในตัวร้านก็จะพบกับเคาน์เตอร์บาร์ที่ล้อมรอบครัวเปิดซึ่งมีเตาย่างอันร้อนระอุอยู่ใจกลางร้าน
ซึ่งสอดคล้องไปกับชื่อ FUEGO ที่หมายถึงไฟในภาษาสเปน และความตั้งใจของร้านที่ให้เหล่าลูกค้าได้ชมการย่างอาหารที่ใช้วัตถุดิบชั้นเลิศกันแบบตื่นตาตื่นใจ นอกจากเคาน์เตอร์บาร์แล้ว ที่นี่ก็จะมีโต๊ะอาหารที่รองรับได้ราว 4-5 คนอยู่ 1 โต๊ะ แต่ถ้ามาแล้วเราแนะนำให้นั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ดีกว่า จะได้ชมการทำอาหารพร้อมคุยกับเชฟแบบเพลินๆ
ซึ่งเชฟผู้กุมบังเหียนรสชาติความอร่อยของที่นี่คือ Roger Solé เชฟหนุ่มอารมณ์ดีเชื้อสายสเปน ผู้ซึ่งมีสกิลพูดภาษาไทยไม่ธรรมดา และเพิ่งนำทีมไปออกรายการ เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย Iron Chef Thailand มาหมาดๆ อีกด้วย
The Taste
ที่นี่จะมีเมนูเบสิกที่พร้อมเสิร์ฟทุกวันและเมนูพิเศษที่จะอิงตามวัตถุดิบสดๆ ที่ได้มาในแต่ละวัน ดังนั้นหากคุณไปกินวันนี้แล้วกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น ก็อาจไม่เจอเมนูเดิมแล้วก็ได้ “ต้องมาทุกวันเลยครับ” เชฟ Roger กล่าวอย่างติดตลก
เมนูที่เชฟ Roger แนะนำมีด้วยกันอยู่ 6 รายการ ซึ่งรวมทั้งเมนูเบสิกและพิเศษ
เริ่มกันที่ Ankimo Toast (390 บาท) โทสต์หน้าตับปลาอังกิโมะ หรือมังก์ฟิช ที่ถูกขนานนามว่าเป็นฟัวกราส์แห่งท้องทะเล รสชาติที่หวานเค็มกลมกล่อมของตับปลาเข้ากันกับตัวโทสต์ที่ทางร้านใช้เป็นบริยอชย่างบนเตาถ่านได้เป็นอย่างดี
ต่อที่ Truffle Manchego Pillow (290 บาท) ที่หน้าตากลมพองเหมือนหมอนสมชื่อนี้ เราแนะนำให้กินทีเดียวทั้งคำ เพราะคุณจะเซอร์ไพรส์เมื่อครีมทรัฟเฟิลและชีสที่ปะทุแตกในปาก บอกเลยว่าคำเดียวไม่พอ!
Uni Tostada (510 บาท) ชิปข้าวโพดท็อปด้วยอูนิสดๆ เสิร์ฟมาแบบไม่ธรรมดาในชาร์โคลโบวล์ที่เห็นแล้วต้องรีบเก็บภาพก่อนดรายไอซ์หมด อูนิมีความหวานเบาๆ เนื้อละมุนนุ่มพร้อมละลายหายไปในปาก และไม่คาวเลยจริงๆ
Tuna Usuzukuri (570 บาท) ปลามากุโระแร่บางๆ ราดด้วย Mojo Verde หรือซอสเขียวแบบสเปน ที่มีความเปรี้ยวนิดๆ เคี้ยวสนุกยิ่งขึ้นกับเท็กซ์เจอร์ความกรุบกรอบของข้าวพอง
อีกจานไฮไลต์ที่สายเนื้อต้องลองอย่าง Ichibo Wagyu (1,150 บาท) ที่ใช้เนื้อโอมิ A5 ที่ถูกยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 เนื้อชั้นเลิศของญี่ปุ่น และด้วยความที่ทางร้านใช้เป็นส่วนพิคานยา หรือเนื้อส่วนสะโพกติดมันแล้ว รสสัมผัสที่ได้คือนุ่มละลายในปากไปเลย
มาถึงเมนูพิเศษประจำวันอย่าง Hirame Paella (1,299 บาท) ปาเอญาหน้าปลาฮิราเมะเนื้อแน่นๆ ซึ่งความอร่อยอยู่ที่ข้าวเม็ดอ้วนสั้นที่มีความเกรียมติดกระทะหน่อยๆ เคี้ยวสนุกยิ่งขึ้น
ในส่วนของค็อกเทล ที่นี่ก็มีหลายตัวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการนำเสนออย่าง Yasumi (380 บาท) ค็อกเทลสีเขียวที่ดูผิวเผินแล้วคล้ายมัทฉะ ซึ่งก็ไม่ผิดเสียทีเดียว เพราะมีเบสเป็นมัทฉะอินฟิวส์วอดก้าและมอนโรสอินฟิวส์สาเก เพิ่มความเปรี้ยวด้วยคอมบูชาและน้ำเลมอน รสชาติชวนให้นึกถึงครีมโซดา ดื่มง่าย
ต่อด้วย Puppy Love (380 บาท) แก้วโตที่เสิร์ฟมาพร้อมดรายไอซ์อีกเช่นกัน แก้วนี้น่าจะถูกใจใครที่ชอบสไตล์ฟรุตตี้สดชื่นไม่น้อย ด้วยเบสเป็นอุเมะชู หรือเหล้าบ๊วย ไวต์รัม พีชลิเคียวร์ เพิ่มความซ่าสดชื่นด้วยโซดา
ส่วนแก้วนี้ไม่สั่งคงไม่ได้ Red Wine Sangria (280 บาท) แบบต้นตำรับของสเปน เสิร์ฟพร้อมกับผลไม้สดในแก้ว โดยก่อนเสิร์ฟทางร้านจะมีการรมควันไม้หอมพีช เพื่อให้เวลาดื่มได้สโมกอโรมาเบาๆ ถือเป็นแก้วที่สดชื่นและดื่มง่ายอีกเช่นกัน
ปิดท้ายค่ำคืนกันด้วยของหวานอย่าง Miso Cheesecake (290 บาท) ชีสเค้กหน้าไหม้สไตล์สเปนที่ใช้มิโซะเป็นส่วนผสมจริงๆ ดังนั้นรสชาติจึงมีความหวานและเค็มนิดๆ เข้ากันดีกับครีมเหล้าไบลีย์สที่มีเอกลักษณ์ความหอมแบบไม่ซ้ำใคร
Good For
อย่างที่บอกว่าที่นี่เสิร์ฟอาหารสไตล์ทาปาส จึงจะค่อนข้างเหมาะกับใครที่กำลังมองหามื้ออาหารกินเล่นเบาๆ กินไปดูเชฟทำอาหารไปเพลินๆ เหมาะจะเป็นแหล่งแฮงเอาต์กับเพื่อนอีกเช่นกัน และอย่างที่บอกว่าถ้าชอบเพลงละตินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็นั่งฟังเพลงโยกเอวอ่อนไปยาวๆ ได้เลยทั้งคืน
FUEGO
Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 17.30-00.00 น.
Address: ชั้น 2 The Taste Thonglor
Instagram: https://www.instagram.com/fuego.bkk/
Facebook: https://www.facebook.com/fuegobangkok
Budget: เริ่มต้นที่ 140 บาท
Map:
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์