การเมืองระหว่างประเทศร้อนระอุหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ประณามประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียว่าให้การหนุนหลัง บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรียในการเข่นฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ พร้อมเตือนผู้เกี่ยวข้องว่าจะต้องชดใช้อย่างสาสมหลังมีรายงานการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ล่าสุดสื่อทางการของซีเรียรายงานว่า ฐานทัพอากาศในจังหวัดฮอมส์ของซีเรียถูกโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธหลายลูก โดยคาดว่าอาจเป็นมาตรการตอบโต้จากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเพนตากอนยังไม่ได้ออกมายืนยันในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ทวีตข้อความว่า “มีคนล้มตายจำนวนมาก รวมถึงผู้หญิงและเด็ก จากการถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีอย่างไร้เหตุผลในซีเรีย พื้นที่แห่งความชั่วร้ายกำลังถูกปิดล้อมโดยกองทัพซีเรีย ส่งผลให้โลกภายนอกไม่สามารถเข้าถึงได้ ประธานาธิบดีปูติน รัสเซีย และอิหร่านคือผู้ที่ให้การสนับสนุนอัสซาดซึ่งเป็นสัตว์ร้าย พวกเขาจะต้องชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่ทำลงไป”
ทั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์วิจารณ์ปูตินโดยระบุชื่อออกสื่ออย่างชัดเจน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและมอสโกทวีความตึงเครียดขึ้นไปอีก นอกจากปูตินแล้ว ทรัมป์ยังตำหนินโยบายของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งมีส่วนทำให้สถานการณ์ในซีเรียเลวร้ายยิ่งขึ้น
“หากประธานาธิบดีโอบามายอมตัดสินใจทำในสิ่งที่อยู่นอกเหนือจุดยืนของเขาตั้งแต่แรก วิกฤตการณ์ในซีเรียก็คงยุติไปนานแล้ว และอัสซาดก็จะกลายเป็นอดีตไปเช่นกัน” ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์
อย่างไรก็ตามทั้งซีเรียและรัสเซียต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน พร้อมยืนยันว่าข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ เป็นเรื่องโกหกที่กุขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลซีเรีย ด้วยจุดประสงค์ที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับนานาชาติในการเข้ามาแทรกแซงปัญหาการเมืองภายในของซีเรีย
สถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน?
ในวิดีโอซึ่งบันทึกโดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยขององค์กร White Helmets เผยให้เห็นคนจำนวนหนึ่ง รวมถึงผู้หญิงและเด็กนอนตายอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง โดยที่หลายคนอยู่ในสภาพน้ำลายฟูมปาก ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากอาวุธเคมีร้ายแรง
ขณะที่สหภาพการแพทย์และองค์กรบรรเทาทุกข์ ซึ่งดูแลศูนย์การแพทย์ภายในเขตโกตาตะวันออกที่ถูกทหารซีเรียโจมตีอย่างหนัก เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากการถูกโจมตีด้วยแก๊สคลอรีนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 เมษายน) มากถึง 70 คน
คาเลด อาบู จาฟาร์ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเมืองดูมาในเขตโกตาตะวันออก เล่าเหตุการณ์กับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า “ผมหมดสติไป ผมหายใจไม่ออก มันเหมือนกับปอดของผมกำลังหยุดทำงาน ผมฟื้นหลังจากผ่านไป 30 นาที พวกเขาช่วยกันถอดเสื้อผ้าผมและทำความสะอาดเนื้อตัว ก่อนจะทำให้ผมอาเจียนออกมาเป็นน้ำสีเหลือง”
เขาเล่าด้วยว่า ประชาชนในเมืองดูมา ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ได้วิ่งหนีกันอย่างแตกตื่นหลังถูกโจมตี
“ในขณะที่ผู้คนกำลังวิ่งหาที่กำบังอยู่นั้น บางคนเห็นกระป๋องแก๊สสีเขียวถูกทิ้งลงมาจากเครื่องบิน” อาบู จาฟาร์ กล่าว
ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เตรียมเรียกประชุมฉุกเฉินในวันนี้เพื่อหารือมาตรการหยุดยั้งวิกฤตในซีเรีย ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ได้เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติออกมาตรการตอบโต้ซีเรียทันที
อ้างอิง:
