เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) รายงานกำไรสุทธิ 2Q66 จำนวน 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3%QoQ และ 13.9%YoY หากตัดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 22 ล้านบาทออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท เติบโต 6.9%QoQ และ 11%YoY เป็นไปตามคาด
ในผลประกอบการ 2Q66 รายงานรายได้จากการให้บริการหลักเพิ่มขึ้น YoY โดยรายได้จากการให้บริการหลัก (ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจ FBB และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร) อยู่ที่ 3.39 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1%QoQ และ 1.8%YoY รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 2.95 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8%QoQ และ 1%YoY โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการแข่งขันที่ลดลงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่
พัฒนาการที่สำคัญ คือ Blended ARPU เติบโต 1.6%QoQ สู่ 213 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่ลดลง จำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นสุทธิอยู่ที่ -804,900 เลขหมาย โดยจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นสุทธิในระบบเติมเงินอยู่ที่ -809,200 เลขหมาย ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นขยายฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพ
รายได้จากธุรกิจ FBB เติบโต 5.4%QoQ และ 14.9%YoY สู่ 2.9 พันล้านบาท ซึ่งแสดงถึงสัญญาณการแข่งขันที่ลดลงเช่นเดียวกัน โดย ARPU เพิ่มขึ้น 1.8%QoQ สู่ 414 บาทต่อรายต่อเดือน เนื่องจากค่าบริการแพ็กเกจเริ่มต้นในตอนนี้อยู่ที่ 500 บาทต่อเดือน เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ 299 บาทต่อเดือน
จำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นสุทธิอยู่ที่ 60,500 ราย ส่งผลทำให้บริษัทมียอดผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 2.3 ล้านราย รายได้จากการขายเครื่องโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท ลดลง 24.9%QoQ และ 15.1%YoY เนื่องจากไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่จากค่ายหลักเปิดตัวใหม่ในไตรมาสนี้ รวมถึงกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวช้า
ด้านต้นทุนการให้บริการยังเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ภายใต้การควบคุม ต้นทุนการให้บริการอยู่ที่ 2.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7%QoQ และ 3.3%YoY โดยเกิดจากต้นทุนโครงข่ายที่สูงขึ้น (ตามค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น) ในขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 11.8%QoQ และ 13.7%YoY สู่ 4.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ปรับตัวลดลง 21%QoQ และ 36%YoY โดยการลดลง QoQ เกิดจากมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและการทำแคมเปญทางการตลาด ในขณะที่การลดลง YoY เกิดจากฐานสูงของปีก่อนหลังจากเปิดพรมแดนอีกครั้ง
ทั้งนี้ ADVANC ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 4 บาทต่อหุ้น (อัตราการจ่ายเงินปันผล 85% ผลตอบแทน 1.8%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 18 สิงหาคม
กระทบอย่างไร:
วันที่ 8 สิงหาคม ราคาหุ้น ADVANC ปรับลดลง 1.79%DoD อยู่ที่ระดับ 220.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.92%DoD อยู่ระดับ 1,518.44 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
โดยสรุปใน 2Q66 มีพัฒนาการที่สำคัญ คือ การปรับตัวดีขึ้น QoQ ของ ARPU ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งคาดว่าแนวโน้มเช่นนี้จะดำเนินต่อไปใน 2H66 นอกจากนี้ กลยุทธ์ควบคุมต้นทุนยังช่วยหนุนให้ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นด้วย และคาดว่าจะเห็นกำไรปกติค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY ใน 3Q66 โดยได้แรงหนุนจากการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ ADVANC โดยปรับราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF (WACC 6% และอัตราการเติบโตระยะยาว 2%) เพิ่มขึ้นสู่ 245 บาทต่อหุ้น (จาก 225 บาทต่อหุ้น) หลังจากได้ปรับปีฐานที่ใช้ประเมินมูลค่าเป็นปี 2567
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การกลับมาแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB จะทำให้กำไรฟื้นตัวจำกัดใน 2H66