วันนี้ (18 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. ในการประชุมคณะกรรมการประสานงาน หรือวิป 2 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล, ส.ส. ที่ไม่ได้อยู่ใน 8 พรรคร่วม และวิปวุฒิสภา เพื่อหารือทิศทางการพิจารณาบุคคลที่สมควรรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันที่ 19 กรกฎาคมนี้
ตัวแทนจากวิปฝ่ายต่างๆ ทยอยเข้าประชุม เช่น พรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค, พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค, พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่, มนพร เจริญศรี ส.ส. นครพนม, สุทิน คลังแสง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงตัวแทนพรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม
ขณะที่อีก 10 พรรคการเมืองได้ส่งตัวแทน เช่น เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ, อรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส. ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ, ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย, ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อนุรักษ์ จุรีมาศ ส.ส. ร้อยเอ็ด พรรคชาติไทยพัฒนา
ขณะที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิป 3 ฝ่ายว่า ได้หารือถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในการเลือกนายกฯ วันพรุ่งนี้ (19 กรกฎาคม) จะเริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. เพื่อให้กระบวนการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้นายกฯ คนที่ 30 โดยเร็ว เพราะประเทศชาติรอนายกฯ คนใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในบ้านเมือง
ทั้งนี้ ที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายได้หารือเรื่องกระบวนการว่าจะเป็นญัตติของการประชุมรัฐสภาในข้อที่ 41 หรือไม่ โดยข้อบังคับดังกล่าวกำหนดว่าญัตติที่ตกไปแล้วไม่สามารถนำมาเสนอใหม่ได้ภายในสมัยประชุมเดียวกัน ยกเว้นสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ประธานรัฐสภาสามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้ แต่ก็มีอีกความเห็นหนึ่งมองว่า การเลือกนายกฯ ไม่ใช่ญัตติทั่วไป เพราะข้อบังคับของการเลือกนายกฯ แยกออกมาในหมวด 9 ตั้งแต่มาตรา 136-139 ก็ไม่ได้มีบังคับไว้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ก็ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าไม่ให้เสนอชื่อซ้ำ จึงไม่ควรใช้บังคับข้อที่ 41 เพราะไม่ใช่ญัตติทั่วไป แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ต้องฟังเสียงสมาชิกรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมวิปวันนี้จะต้องไปทำความเข้าใจกับสมาชิกของตนเอง เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการประชุม
ส่วนวันพรุ่งนี้จะต้องลงมติเรื่องกระบวนการเลือกนายกฯ รอบ 2 จะสามารถเสนอรายชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าเป็นญัตติหรือไม่ วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ประธานจะชี้ขาดได้ก็ต่อเมื่อได้ฟังการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะวินิจฉัย หรือจะให้สมาชิกลงมติ ก็ต้องดูสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้ว่าจะใช้ข้อบังคับข้อที่ 41 หรือไม่ หรือจะใช้ข้อบังคับหมวด 9 ดังนั้นก็คงต้องฟังการอภิปรายก่อน และเข้าใจว่าคงไม่ใช้เวลายืดเยื้อในการอภิปราย ซึ่งวางกรอบเวลาเอาไว้คร่าวๆ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การงดเว้นข้อบังคับจะเป็นหนึ่งในแนวทางสำหรับการเลือกนายกฯ วันพรุ่งนี้หรือไม่ วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า จะงดเว้นข้อบังคับได้ก็ต้องมีการเสนอเข้ามาในที่ประชุมก่อน และที่ประชุมต้องมีมติเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งจึงจะงดเว้นได้ แต่ในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายวันนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ เพราะถ้ามีการยกเว้นข้อบังคับก็ไม่รู้จะไปใช้ข้อบังคับตรงไหน เพราะการเดินหน้าเลือกนายกฯ มีไม่กี่ประเด็นเท่านั้น และประเด็นสำคัญคือต้องมีการเลือกนายกฯ ให้ได้ จึงคิดว่าคงไม่มีใครเสนอให้ยกเว้นข้อบังคับ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากสมาชิกส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นญัตติ จะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นต่อได้เลยหรือไม่ วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ข้อบังคับไม่ได้ห้ามเอาไว้ ส่วนการบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 จะดำเนินการหลังลงมติเลือกนายกฯ เลยหรือไม่นั้น วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบความถูกต้องของเจ้าหน้าที่สภา ยังไม่ได้บรรจุอยู่ในระเบียบวาระ คงต้องรอให้วาระการเลือกนายกฯ เสร็จสิ้นก่อน
