Wham! คือภาพยนตร์สารคดีว่าด้วยเรื่องราวชีวิตของ George Michael และ Andrew Ridgeley สองดูโอ้ป๊อปสุดฮิตที่เคยโลดแล่นอยู่ในวงการดนตรีเมื่อยุค 80 โดยภาพยนตร์ไล่เรียงตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเส้นทางดนตรี มิตรภาพ ปัญหาชีวิต ความสำเร็จ ไปจนถึงการล้วงลึกความรู้สึกของการเป็นเกย์ที่อยากจะให้โลกยอมรับ
ภาพยนตร์ประกอบขึ้นจากฟุตเทจเก่าๆ ที่ร้อยเรียงเข้ากับบันทึกการพูดคุยในอดีตของ George Michael และบทสัมภาษณ์ในปัจจุบันของ Andrew Ridgeley โดยใช้วิธีการนำเสนอออกมาในรูปแบบของหนังสือแฟนเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น
โจทย์ข้อใหญ่ของ Chris Smith ในฐานะผู้กำกับคือ เขาจะเล่าเรื่องราวในแง่ของประวัติศาสตร์ดนตรีในช่วงยุค 70-80 และชีวิตของคนทั้งสองอย่างไรให้สอดคล้องกับความสนุกของเพลงป๊อปที่เป็นดั่งตัวตนอันแสนสำคัญของพวกเขา แต่อีกด้านภาพยนตร์ก็ต้องคงไว้ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ที่ปลดเปลื้องชีวิตของศิลปินในยุคนั้น ที่นัยหนึ่งก็เต็มไปด้วยความขมขื่นนานัปการ
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า รสนิยมชมชอบทางเพศของ George Michael เป็นแบบไหน แต่คำถามที่น่าสนใจจริงๆ ก็คือ ‘แล้วเขารู้สึกอย่างไรที่ต้องเก็บงำความลับของตัวเองเอาไว้’ ซึ่งภาพยนตร์ก็นำเสนอความรู้สึกในส่วนนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือไม่ได้มีแค่มุมมองของ George Michael เพียงคนเดียว แต่ยังมีมุมมองของ Andrew Ridgeley เพื่อนรักผู้เป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้จากเจ้าตัว
ด้วยเหตุนี้ภาพยนตร์จึงเผยให้เห็นว่า สำหรับ Andrew Ridgeley เขาเป็นห่วงเป็นใยและเข้าใจในตัวของเพื่อนรักอย่าง George Michael มากขนาดไหน สายสัมพันธ์ที่เคยมีให้กันมาอย่างยาวนานระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่อาจถูกลดทอนลงด้วยความชอบที่ผิดแปลกไปจากคนปกติในยุคนั้น เรื่องราวที่น่าประทับใจเหล่านี้ล้วนทำให้ใครหลายคนอาจนึกในใจว่า การที่ George Michael มีเพื่อนแบบ Andrew Ridgeley นั้นอาจเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดเท่าที่ชีวิตของเขาเคยมีมา
แต่ก็เหมือนกับเรื่องราวของของศิลปินคนอื่นที่ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เพราะภาพยนตร์ยังพาเราไปสำรวจถึงช่วงชีวิตอันยากลำบากของ Wham! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเริ่มไต่เต้าเข้าสู่วงการเพลงป๊อปที่มักจะถูกต่อว่าต่อขานโดยบรรดาเหล่านักวิจารณ์ จนถึงขั้นถูกแปะป้ายว่าเป็นพวกขายตัวตนเพื่อชื่อเสียง
ถึงกระนั้นบทพิสูจน์ที่ถาโถมเข้าใส่ชีวิตของคนทั้งสองก็เป็นเหมือนประตูบานสำคัญที่พาพวกเขาไปสู่จุดที่ตัวเองเคยมุ่งหวังเอาไว้ และการที่ภาพยนตร์นำเสนอคำครหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาผ่านลูกเล่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็ทำให้ประเด็นเหล่านี้ดูมีความน่าติดตามมากยิ่งขึ้น และเมื่อภาพยนตร์ฉายภาพของความสำเร็จ มันก็ยิ่งส่งเสริมให้อารมณ์ของคนดูนั้นคล้อยตามไปกับจังหวะชีวิตที่งดงามของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งต่อมาการได้พบกับผู้คนมากมายในระหว่างทางก็เป็นสิ่งที่หล่อหลอมประสบการณ์ของพวกเขา ก่อให้เกิดเป็นผลงานต่างๆ ที่ยังคงติดหูแฟนเพลงมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Club Tropicana, Wake Me Up Before You Go-Go, Last Christmas หรือแม้กระทั่ง Careless Whisper ที่ Andrew Ridgeley เลือกที่จะให้ George Michael ปล่อยเป็นซิงเกิลเดี่ยวของตัวเอง
นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังพาเราไปดูอีกว่า เบื้องหลังของเพลงเหล่านี้ทั้ง George Michael และ Andrew Ridgeley นั้นมีความคิดเห็นอย่างไรต่อเพลงที่พวกเขาเป็นคนแต่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญก็คือ มันเปิดเผยบางมุมที่แฟนเพลงอาจจะยังไม่เคยรับรู้มาก่อน ทั้งที่มา ความหมาย ไปจนถึงนัยที่แท้จริงของมัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องชื่นชมผู้กำกับจริงๆ ก็คือ การที่เขาสามารถเล่าเรื่องราวมิตรภาพอันงดงามกินใจราวกับเทพนิยายให้ออกมาจับต้องได้จริง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นไอคอนิกของเพลงป๊อปที่ดูสนุก โดยยังรักษาประเด็นและแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัวเอาไว้ได้อย่างครบถ้วนทุกอารมณ์ และที่สำคัญมันบอกเล่าความเจ็บปวดบางส่วนที่แม้แต่คนดูเองก็คาดไม่ถึง
ทั้งหมดนี้จึงทำให้บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่าง George Michael กับ Andrew Ridgeley เป็นเหมือนความรู้สึกที่พรั่งพรูออกมาไม่ใช่แค่ในฐานะของ Wham! แต่เป็นในฐานะของเพื่อนที่ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานหลายสิบปี และถึงแม้ในเวลาต่อมาพวกเขาจะแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง แต่ช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงเสมอ เหมือนกับที่ภาพยนตร์บอกว่า ‘Wham! จะไม่มีวันแก่ และเป็นตัวแทนวัยเยาว์ของเราโดยแท้’
ท้ายที่สุดแล้วมันอาจนำมาซึ่งคำถามที่หลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันคือ George Michael จะสร้างคุณูปการให้แก่วงการเพลงป๊อปได้อีกแค่ไหน หากเขายังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
สามารถรับชม Wham! ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
รับชมตัวอย่างได้ที่: https://youtu.be/8huyeTjZjik
https://youtu.be/8huyeTjZjik