เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดียเผชิญกับฝนมรสุมที่พัดผ่านทางตอนเหนือของประเทศ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ รวมถึงเหตุดินถล่ม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน
ด้านกรุงนิวเดลีเจอกับฝนถล่มหนักสุดเมื่อเทียบกับสถิติของเดือนกรกฎาคมในรอบ 40 ปี โดยมีปริมาณน้ำฝนมากถึง 153 มิลลิเมตรในช่วง 24 ชั่วโมง ณ สิ้นสุดเวลา 08.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวานนี้ (9 กรกฎาคม) ส่งผลให้ในขณะนี้ถนนหลายสายในเมืองหลวงของอินเดียจมอยู่ใต้น้ำที่มีความสูงระดับเข่า โดยทางการได้สั่งปิดโรงเรียนทั่วเมืองหลวงด้วยในวันนี้ (10 กรกฎาคม) เนื่องจากสภาพการสัญจรบนท้องถนนเป็นไปอย่างยากลำบาก
รายงานระบุว่า รัฐที่อยู่ตามแนวเชิงเขาเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุด โดยในรัฐหิมาจัลประเทศเพียงแห่งเดียวมีผู้เสียชีวิตถึง 6 คน ขณะที่เหตุดินถล่มได้ทำให้ถนนกว่า 700 สายถูกตัดขาด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมในอินเดียยังไม่คลี่คลาย เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียพยากรณ์อากาศว่า
จะมีฝนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของอินเดียในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่าฝนมรสุมที่โหมกระหน่ำใส่อินเดียในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมนั้นมีปริมาณมากกว่าปกติราว 2% ด้วยกัน
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าภาวะโลกรวนทำให้มรสุมรุนแรงขึ้นและแปรปรวนมากกว่าเดิม ด้วยอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นจากภาวะโลกรวนทำให้อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำบนผิวโลกระเหยกลายเป็นไอน้ำและจับตัวเป็นก้อนเมฆมากขึ้น จนถึงจุดหนึ่งก็เกิดเป็นฝนที่ตกหนักลงมา โดยนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นถึง 5%
ภาพ: Sanchit Khanna / Hindustan Times via Getty Images
ภาพ: Sanchit Khanna / Hindustan Times via Getty Images
ภาพ: Salman Ali / Hindustan Times via Getty Images
ภาพ: Sanchit Khanna / Hindustan Times via Getty Images
ภาพ: Salman Ali / Hindustan Times via Getty Images
ภาพ: Ravi Kumar / Hindustan Times via Getty Images
อ้างอิง: