วันนี้ (9 กรกฎาคม) ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พรรคประชาธิปัตย์จัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ตามข้อบังคับพรรคการเมือง หลังจากที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค โดยมีแกนนำพรรคเดินทางมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า อาทิ ชวน หลีกภัย, นิพนธ์ บุญญามณี, ชัยชนะ เดชเดโช และ มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข
โดยเวลา 08.45 น. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค เดินทางมาถึง มีสมาชิกพรรคมารอต้อนรับ ซึ่งอภิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า วันนี้จะถูกเสนอชื่อและเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคหรือไม่ อภิสิทธิ์กล่าวว่า เคยพูดไปแล้ว ขอให้รอในที่ประชุมอย่างเดียว ส่วนจะได้รับเสียงสนับสนุนในที่ประชุมหรือไม่ อภิสิทธิ์กล่าวว่า พูดไปหมดแล้ว รอในที่ประชุม
เมื่อถามต่อว่า กลับมาครั้งนี้จะมากู้วิกฤตพรรคและปรับเปลี่ยนแบรนด์พรรคใช่หรือไม่ อภิสิทธิ์กล่าวว่า ผมจะพูดในที่ประชุม
ด้าน สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ของพรรค กล่าวยืนยันว่า วันนี้จะไม่ลงสมัครในตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่างเด็ดขาด
เมื่อถามว่ามีม้ามืดเข้าชิงตำแหน่ง มองว่าเป็นใคร สุชัชวีร์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะมีหลายคนเข้าชิง และอาจจะมีผู้สมัครเพิ่มเติมก็ได้ ส่วนคุณสมบัติแบบไหนที่เหมาะจะเป็นหัวหน้าพรรคนั้น สุชัชวีร์กล่าวว่า ต้องเป็นผู้นำ นำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคิดเรื่องนี้
ด้าน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ต้องรอผลการเลือกตั้งก่อน แต่พรรคประชาธิปัตย์มีภารกิจสำคัญในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่จะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อรับใช้ประชาชน และจะต้องทำหน้าที่เป็นสถาบันการเมืองหลักในการขับเคลื่อนระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าแคนดิเดตหัวหน้าพรรคมีใครบ้าง ซึ่งคนที่มาเป็นหัวหน้าพรรคจะต้องสมัครใจ ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ และที่ประชุมจะเป็นคนเลือก โดยจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ดูเหมือนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา หากนำมาประกอบกันก็จะเป็นหัวหน้าพรรคได้
จุรินทร์กล่าวต่อว่า วิสัยทัศน์ที่ผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคแต่ละคนจะต้องพูด 7 นาที ถือเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินเลือกหัวหน้าพรรค และถือเป็นเรื่องปกติ
ตนยังหวังว่าการเปลี่ยนหัวหน้าพรรควันนี้จะช่วยนำพาพรรคประชาธิปัตย์ก้าวไปข้างหน้าได้ เพราะพิสูจน์มาแล้ว และอยู่มาได้ถึง 77 ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 78 แน่นอนว่าการเลือกตั้งมีแพ้บ้าง มีชนะบ้าง แต่ที่พรรคอยู่มาได้เพราะมีความซื่อสัตย์สุจริต และพรรคมีอุดมการณ์ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
ส่วนแนวทางหลังจากนี้จะรีแบรนด์พรรคอย่างไรนั้น จุรินทร์กล่าวว่า พรรคมีอุดมการณ์อยู่แล้ว ซึ่งเป็นแก่นสำคัญ จะทำอย่างอื่นไม่ได้
มีรายงานว่าการประชุมในครั้งนี้ นวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย โดยยิ้มทักทายกับสื่อมวลชนและกล่าวสั้นๆ ว่า คุณพ่อเป็นโหวตเตอร์ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าจะเห็นมาดามแป้งลงสนามการเมืองหรือไม่ แต่มาดามแป้งตอบติดตลกว่า “ทำฟุตบอลสนุกกว่า”