รัฐบาลตุรกีประณามทางการสวีเดนที่อนุญาตให้มีการประท้วงต่อต้านเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน บริเวณนอกมัสยิดแห่งหนึ่งใจกลางกรุงสตอกโฮล์มวานนี้ (28 มิถุนายน)
การประท้วงดังกล่าวมีขึ้นภายหลังได้รับอนุญาตจากศาลสวีเดน ซึ่งผู้ประท้วงคือ ซัลวาน โมนิกา ผู้ลี้ภัยชายชาวอิรักวัย 30 ปี ที่ต้องการให้มีการแบนพระคัมภีร์อัลกุรอาน เนื่องจากมองว่าเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน โดยเขาได้ฉีกหน้ากระดาษพระคัมภีร์ ก่อนจะลงมือจุดไฟเผา ท่ามกลางประชาชนกว่า 200 คนที่มุงดู ซึ่งหลายคนต่อต้านการประท้วงของเขา และมีชาย 1 คนถูกจับกุมหลังพยายามขว้างก้อนหินใส่
“หนังสือเล่มนี้ควรถูกแบน เพราะเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย จริยธรรม คุณค่าของมนุษย์ สิทธิมนุษยชน และสิทธิสตรี มันใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้” เขากล่าว ขณะที่เผยว่าการประท้วงมีขึ้นหลังจากการต่อสู้ทางกฎหมายในศาลนานกว่า 3 เดือน
การประท้วงดังกล่าวมีขึ้นตรงกับวันอีดิลอัฎฮา ซึ่งเป็นหนึ่งในวันหยุดสำคัญของชาวมุสลิม โดยตำรวจสวีเดนเปิดเผยว่า การตัดสินใจอนุญาตให้มีการประท้วง เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพในการพูด และการประท้วงที่เกิดขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในทันที
อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้มีการประท้วงของทางการสวีเดนส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงในตุรกี โดยที่กรุงอังการามีผู้ประท้วงออกมาชุมนุมและจุดไฟเผาธงชาติสวีเดนที่บริเวณด้านนอกสถานทูตสวีเดน
การประท้วงที่เกิดขึ้นยังอาจส่งผลต่อความพยายามของสวีเดนในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ซึ่งจะมีการประชุมสุดยอดเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยที่ผ่านมาตุรกีพยายามขัดขวางสวีเดนจากการเข้าเป็นสมาชิก NATO แม้จะมีการสมัครอย่างเป็นทางการพร้อมกับฟินแลนด์ภายหลังรัสเซียเปิดฉากสงครามรุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้ว
ด้าน ฮาคัน ฟิดาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตุรกี เผยแพร่แถลงการณ์ประณามการประท้วงต่อต้านศาสนาอิสลามด้วยการจุดไฟเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน โดยระบุว่าเป็นการกระทำอันชั่วร้าย พร้อมชี้ว่า การเพิกเฉยของทางการสวีเดนต่อการประท้วงที่เกิดขึ้นถือเป็นการสมรู้ร่วมคิด
“เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ที่จะอนุญาตให้มีการกระทำต่อต้านอิสลามภายใต้ข้ออ้างเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก การเพิกเฉยต่อการกระทำอันชั่วร้ายเช่นนี้ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขา” แถลงการณ์ระบุ
ขณะที่ ฟาห์เรตติน อัลตุน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของรัฐบาลตุรกี ทวีตข้อความว่า เบื่อหน่ายกับการจุดกระแสเกลียดชังอิสลามที่เกิดขึ้นในหมู่ทางการของประเทศยุโรป โดยเฉพาะในสวีเดน พร้อมชี้ว่า “ผู้ที่ต้องการเป็นพันธมิตรใน NATO ไม่สามารถอดทนต่อหรือเปิดทางให้พฤติกรรมทำลายล้างของผู้ก่อการร้ายที่เกลียดชังอิสลามและชาวต่างชาติได้”
ภาพ: Jonathan Nackstrand / AFP
อ้างอิง:
