เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อปี 2566 ไว้ที่ 4-6% (เทียบกับ 4% ในปี 2565) โดยเป้าการเติบโตของสินเชื่อประกอบด้วย: 5-6% สำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, 3% สำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง, 3% สำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก, 4-6% สำหรับสินเชื่อรายย่อย, 5-6% สำหรับสินเชื่อกิจการต่างประเทศ (4% ในปี 2565) และ 10-12% สำหรับ Permata BBL คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตเพิ่มขึ้นในสามไตรมาสที่เหลือของปีนี้หลังจากสินเชื่อหดตัวลงตามฤดูกาลใน 1Q66 BBL อยู่ในสถานะดีที่สุดที่จะได้ประโยชน์จากแรงส่งจากการย้ายฐานธุรกิจมายังอาเซียน
ส่วน Credit Cost ของ BBL จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ในสามไตรมาสที่เหลือของปีนี้ หลังจาก Credit Cost 1Q66 สูงกว่าเป้าที่ธนาคารวางไว้ทั้งปีที่ 1% และประมาณการทั้งปีของ InnovestX Research ที่ 1.15% โดย BBL กล่าวว่าธนาคารเร่งตั้งสำรองเพิ่มใน 1Q66 คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารดูเหมือนจะอยู่ในระดับทรงตัว
ขณะที่ NIM จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้ม Upside โดยหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุด 25 bps สู่ 2% เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 BBL ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 20 bps ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเพิ่มขึ้น 10-25 bps และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เพิ่มขึ้น 5 bps
InnovestX Research คาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้น 5-7 bps ใน 2Q66 ขณะที่ประมาณการ NIM (เพิ่มขึ้น 44 bps) มีแนวโน้ม Upside เพราะว่ามีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นอีกสู่ 2.5% ใน 2H66 ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานที่ 2% ด้าน SCB EIC คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะค่อยๆ ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 2.5% ใน 3Q66 เพราะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ภายในกรอบเป้าหมายแล้ว
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BBL ปรับเพิ่มขึ้น 0.63%MoM สู่ระดับ 161.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.77%MoM สู่ระดับ 1,556.92 จุด
ผลกระทบ:
ประเมิน BBL จะรายงานกำไร 2Q66 และปี 2566 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยคาดการณ์ในเบื้องต้นว่ากำไร 2Q66 จะเพิ่มขึ้น 55%YoY (NII สูงขึ้น) และ 7%QoQ (ตั้งสำรองลดลง, NII สูงขึ้น) สำหรับปี 2566 คาดว่ากำไรจะเติบโต 50% โดยได้แรงหนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง 14 bps การเติบโตของสินเชื่อที่ 5% NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น 44 bps non-NII ในระดับทรงตัว และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research เลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร ด้วยคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือนที่ Outperform โดยมีราคาเป้าหมาย 197 บาทต่อหุ้น อ้างอิง PBV 0.7 เท่า หรือ PE 8.55 เท่า สำหรับปี 2566
สำหรับความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ 1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2. การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาดเนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง และ 3. ผลกระทบจาก FinTech