นอกเหนือจากไทยที่มีการเลือกตั้งอย่างดุเดือดเมื่อวานนี้ (14 พฤษภาคม) ในอีกซีกโลกหนึ่ง ตุรกีก็ได้เปิดคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยเช่นเดียวกัน แต่ผลออกมาปรากฏว่าไม่มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใดได้คะแนนเสียงมากกว่า 50% ทำให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุด 2 อันดับแรกจะต้องไปเผชิญหน้ากันอีกครั้งในศึกลงคะแนนเสียงรอบ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 พฤษภาคม หรืออีกราว 2 สัปดาห์ข้างหน้า
สำหรับผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งวานนี้ ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน เป็นผู้ที่มีคะแนนนำสูงสุด และกวาดคะแนนไปได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางช่วงเวลาที่เขาเล็งจะครองอำนาจในตุรกีให้ยาวนานต่อไปทะลุ 20 ปี แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังไม่ได้คะแนนถึงเกณฑ์ที่จะชนะขาด
รายงานจากสำนักข่าว Anadolu ของตุรกี ระบุว่า ขณะนี้การนับคะแนนดำเนินไปแล้วเกือบ 97% ซึ่งผลคะแนนเบื้องต้นออกมาว่า แอร์โดอันนำอยู่ที่ 49.39% ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง เคมัล คิลิกดาโรกลู ผู้ลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในฐานะตัวแทนกลุ่มพันธมิตร Nation Alliance ที่ประกอบด้วย 6 พรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคกลางซ้าย CHP ซึ่งเขาเป็นหัวหน้าพรรค มีคะแนนเสียงอยู่ที่ 44.92%
สื่อต่างประเทศมองว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีตุรกีในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงศึกที่ตัดสินว่าใครจะได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศที่มีประชาชนกว่า 85 ล้านคนเท่านั้น แต่ยังเป็นการแข่งขันที่จะชี้ชะตาด้วยว่า ตุรกีจะได้กลับสู่เส้นทางที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นหรือไม่ รวมถึงตุรกีจะจัดการกับวิกฤตค่าครองชีพที่ทะยานสูงขึ้นอย่างไร และจะจัดการกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างรัสเซีย ตะวันออกกลาง และชาติตะวันตกได้อย่างไร
ด้านคิลิกดาโรกลูที่ประกาศว่าตนเองพร้อมสู้ศึกลงคะแนนรอบ 2 ได้ขอให้ผู้สนับสนุนของเขาใช้ความอดทน และกล่าวหาว่าพรรคของแอร์โดอันแทรกแซงการนับคะแนนเสียงและการรายงานผล
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ออกมาถือว่าแอร์โดอันทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์กันไว้ โดยในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ เขามาด้วยสีหน้าอารมณ์ที่มั่นใจและพร้อมต่อสู้ ท่ามกลางกองเชียร์ที่โบกธงและส่งเสียงเชียร์ดังก้องอยู่ตลอดเวลา โดยเขากล่าวว่า “ตอนนี้เรามีคะแนนนำคู่แข่งอยู่แล้วที่ 2.6 ล้านคะแนนเสียง เราคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ”
ทั้งนี้ แอร์โดอัน วัย 69 ปี เป็นนักปราศรัยที่ทรงพลัง เขาได้รับความไว้วางใจจากชาวเติร์กผู้เคร่งศาสนา อาชีพการเมืองของเขารอดพ้นจากการพยายามทำรัฐประหารในปี 2016 และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตมากมาย อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมของแอร์โดอันลดลงเรื่อยๆ ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 85% ในเดือนตุลาคม 2022 ขณะที่สกุลเงินลีราล่มสลาย
ด้าน คิลิกดาโรกลู อดีตข้าราชการพลเรือนวัย 74 ปี ให้คำมั่นว่าหากได้รับชัยชนะเขาจะกลับไปใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม (Economic Orthodoxy) พร้อมนำพาประเทศกลับสู่ระบบการปกครองแบบรัฐสภาจากระบบประธานาธิบดีของแอร์โดอัน ซึ่งผ่านการทำประชามติในปี 2017 นอกจากนี้ คิลิกดาโรกลูยังสัญญาว่าจะคืนความเป็นอิสระของตุลาการที่นักวิจารณ์กล่าวว่าแอร์โดอันใช้ในการปราบปรามกลุ่มผู้เห็นต่าง อย่างไรก็ดี หากคิลิกดาโรกลูชนะการเลือกตั้ง เขาจะเผชิญกับความท้าทายในการรวมพันธมิตรฝ่ายค้านที่มีทั้งพวกชาตินิยม อิสลามิสต์ โลกิยนิยม และเสรีนิยม
ภาพ: Yavuz Ozden / dia images via Getty Images
อ้างอิง: