วันนี้ (10 พฤษภาคม) อนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงกรณี เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้นนั้นหรือไม่ว่า
สรุปสาระสำคัญของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จากรายงานประจำปี 2565
- หยุดประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ไอทีวีตั้งแต่เวลา 00.00 น. วันที่ 7 มีนาคม 2550 สืบเนื่องจากการบอกเลิกสัญญาร่วมงานของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย Delist ถอดหุ้นไอทีวีจากการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2557
- ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการฟ้องร้องพิพาททางกฎหมายกับ สปน. สืบเนื่องจากกรณีอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดว่า
-
- การบอกเลิกสัญญาของ สปน. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- ให้ สปน. ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 2,890 ล้านบาท
3.1 ต่อมา สปน. ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งศาลปกครองมีคำสั่งยกคำร้องของ สปน.
3.2 มกราคม 2564 สปน. ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
- ปีบัญชี 2565 ไอทีวีมีรายได้จากการลงทุนและดอกเบี้ยรับ 20.5 ล้านบาท (ผลตอบแทนจากตราสารหนี้และตราสารทุน) กำไรสุทธิ 8.5 ล้านบาท
- ไอทีวีมีบริษัทย่อย 1 บริษัท คือ บริษัท อาร์ตแวร์ มีเดีย จำกัด ให้เช่าอุปกรณ์ผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ ผลิตรายการโทรทัศน์ ซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ และกิจกรรมการตลาดอื่นๆ สถานะปัจจุบันของบริษัทคือ หยุดประกอบกิจการ
- กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่โดยพฤติการณ์มีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบันคือ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
- การรักษาสถานะความเป็นนิติบุคคลของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินการฟ้องร้องกับ สปน.
หมายเหตุ: ข้อ 7 เป็นความเห็นส่วนตัว / ส่วนข้อ 1-6 เป็นข้อมูลจากรายงานประจำปี 2565 ของไอทีวี
อ้างอิง: