ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยรายงานเสถียรภาพทางการเงิน (Financial Stability Report) โดยเตือนว่า การปล่อยสินเชื่อที่น้อยลงของธนาคารเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตกต่ำเร็วขึ้น พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial Real Estate) เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมเตรียมเพิ่มการตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้น
รายงานเสถียรภาพทางการเงินของ Fed ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 พฤษภาคม) นับเป็นฉบับแรกหลังเกิดเหตุธนาคารภูมิภาค 4 แห่งในสหรัฐฯ ล่ม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายหุ้นธนาคารอย่างดุเดือดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และบังคับให้หน่วยงานกำกับดูแลดำเนินขั้นตอนพิเศษหลายขั้นตอน
Fed กล่าวในรายงานว่า “ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ คุณภาพสินเชื่อ และสภาพคล่องของเงินทุน อาจทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ จัดหาสินเชื่อน้อยลงอีก โดยการหดตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อจะส่งผลให้ต้นทุนการจัดหาเงินทุนสำหรับธุรกิจและครัวเรือนสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง”
รายงานฉบับนี้ยังย้ำว่า โดยรวมแล้วธนาคารในประเทศมีสภาพคล่องเพียงพอและการพึ่งพาการกู้ยืมระยะสั้นจากตลาดเงินหรือตลาดทุน (Short-Term Wholesale Funding) ยังมีจำกัด
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์เสี่ยงสูง
รายงานยังระบุว่า การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการทำงานทางไกล (Telework) อาจลดความต้องการพื้นที่สำนักงาน (Office Space) และส่งผลให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ด้านค้าปลีก (Retail Properties) ในเมืองลดลง
“การเปลี่ยนแปลงมูลค่าทรัพย์สินอาจมีขนาดใหญ่ และอาจนำไปสู่การขาดทุนด้านเครดิต โดยผู้ถือหนี้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์” รายงานระบุ
Fed กล่าวอีกว่า เพื่อตอบสนองต่อความกังวลเกี่ยวกับหนี้อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ Fed จึงได้เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพสินเชื่อ และขยายขั้นตอนการตรวจสอบสำหรับธนาคารที่มีความเสี่ยงกระจุกตัวอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบัน Fed ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยในช่วงกลางปีที่แล้ว Fed ได้เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% ถึง 4 ครั้ง โดยอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 5-5.25%
ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ธนาคารต่างๆ ขาดทุนในพอร์ตตราสารหนี้ สร้างความเปราะบางในระบบธนาคารพาณิชย์ และเป็นส่วนทำให้ Silicon Valley Bank ล่มในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา
รายงานยังยืนยันว่า คุณภาพสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าอัตราการค้างชำระในบางกลุ่มสินเชื่อ เช่น รถยนต์และบัตรเครดิต จะเพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความมั่งคั่งจากหุ้นของชาวอเมริกันหายไปกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ จากที่เคยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวหลังวิกฤตโควิด
- ตามคาด ‘Fed’ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นต่อ หวังคุมเงินเฟ้อให้อยู่หมัด
- นักวิเคราะห์ชี้พิษนโยบาย Fed เป็นเหตุทำตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน
อ้างอิง:
