สัมภาษณ์ อีดงอุค คิมบอม คิมโซยอน รยูคยองซู ในซีรีส์ภาคต่อ Tale of the Nine Tailed 1938 ที่พาย้อนสู่จุดเริ่มต้นของตำนานจิ้งจอกเก้าหาง

Tale of the Nine Tailed 1938 เป็นซีรีส์แฟนตาซีภาคต่อของตำนานจิ้งจอกเก้าหาง Tale of the Nine Tailed ที่ออกอากาศไปเมื่อปลายปี 2020 โดยซีซันก่อนหน้านำแสดงโดย อีดงอุค คิมบอม และ โจโบอา ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ดำเนินไปแบบทั้งรักทั้งเกลียด รวมไปถึงเรื่องราวความรักที่ต้องฟันฝ่าของแต่ละตัวละคร

แต่คราวนี้ Tale of the Nine Tailed 1938 เลือกถ่ายทอดเรื่องราวที่แตกต่างออกไป หลังจากที่ อียอน จิ้งจอกเก้าหางอายุ 1,000 ปี ได้ลงเอยอย่างมีความสุขกับมนุษย์ผู้หญิงที่เขารัก แต่วันดีคืนร้ายก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก อียอนต้องพบกับเรื่องไม่คาดคิดและถูกเรียกตัวกลับไปสู่ปี 1938 ซึ่งเป็นยุคแห่งความโกลาหล โลกที่ไม่คุ้นเคย ไม่มี WiFi ไม่มีไอศกรีมช็อกโกแลตมินต์ และไม่มีผู้หญิงที่เขารัก ดังนั้นอียอนจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางกลับมายังช่วงเวลาปัจจุบันให้ได้

และนอกจากคู่พี่น้องที่เป็นตัวหลักของเรื่องอย่าง อียอน (รับบทโดย อีดงอุค) และ อีรัง (รับบทโดย คิมบอม) จะแท็กทีมกลับมาร่วมงานอีกครั้งแล้ว ก็ยังมีตัวละครใหม่ๆ ที่จะมาเสริมให้เรื่องราวในยุค 1938 สนุกสนานมากขึ้น นั่นก็คือ คิมโซยอน จาก The Penthouse 1-3 และ รยูคยองซู จาก Itaewon Class และ Lovestruck in the City ที่จะมารับบทบาทสำคัญใน Tale of the Nine Tailed 1938 ด้วย

อีดงอุค รับบทเป็น อียอน จิ้งจอกเก้าหางอายุ 1,000 ปีที่เดินทางย้อนกลับไปในปี 1938 เพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง และในยุคที่ไม่มีคนรักให้ปกป้อง เราอาจจะได้เห็นบุคลิกที่แฝงความโหดร้ายของอียอนที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

คิมโซยอน รับบทเป็น รยูฮงจู สาวสวยที่ไม่เคยแก่ เจ้าของร้านอาหารชื่อดังในคยองซอง (ชื่อเดิมของกรุงโซลในอดีต) แท้จริงแล้วเธอคืออดีตเทพเจ้าภูเขาแห่งทิศตะวันตก แม้จะมีผู้คนมากมายรายล้อม แต่เธอไม่เคยนับใครเป็นเพื่อน เพราะถือว่า ‘ผู้ที่อ่อนแอกว่าไม่ใช่เพื่อน’ ที่สำคัญคือรยูฮงจูเคยมีความสัมพันธ์ในอดีตกับอียอนด้วย

คิมบอม รับบทเป็น อีรัง ลูกครึ่งมนุษย์กับจิ้งจอกเก้าหาง ผู้เป็นน้องชายของอียอน เป็นที่รู้กันว่าเขาเกลียดพี่ชายของเขาและตั้งตัวเป็นศัตรูมาตลอด และเรื่องราวในปี 1938 อีรังได้พบเจอกับความรักที่ทำให้เขาไม่อยากเป็นจิ้งจอกอีกต่อไป

รยูคยองซู รับบทเป็น ชอนมูยอง เขาคือเสือจากภูเขาแพคดู ซึ่งเป็นอดีตเทพแห่งขุนเขาทางเหนือ ในอดีตเขาได้ชื่อว่าเป็นเทพที่อ่อนโยนที่สุด แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เขากลายเป็นมูยองผู้โหดเหี้ยม แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาอ่อนไหวได้คือ รยูฮงจู หญิงสาวที่เขารัก

เป้าหมายใหม่ของอียอนที่เปลี่ยนแปลงไป และความสัมพันธ์ที่อาจสั่นคลอนของสองพี่น้องจิ้งจอก

อีดงอุค: ในภาคก่อนหน้าจะเห็นว่าความรักของอียอนนั้นสมหวังไปแล้วใช่ไหมครับ ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังสามารถรักษาความรักเอาไว้ได้อย่างมั่นคงเช่นเดิม เพียงแต่ใน Tale of the Nine Tailed 1938 เขาจะไม่ได้ทำเพื่อหญิงสาวที่เขารักแล้ว แต่เป็นการต่อสู้เพื่อครอบครัว เพื่อนพ้อง และประเทศชาติครับ

คิมบอม: การย้อนอดีตกลับไปในปี 1938 ยุคนี้อีรังก็ยังคงเกลียดพี่ชายของเขาอยู่เหมือนเดิมครับ ยังอยู่ในสถานะที่มีความเข้าใจผิดเดิมอยู่ แต่จิตใจของผมก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเพราะอียอนที่รู้เรื่องราวในอนาคต สำหรับซีซันนี้ผมคิดว่าการดำเนินเรื่องน่าจะแตกต่างออกไปจากซีซันแรกครับ ผู้ชมจะได้เห็นภาพของพี่น้องจิ้งจอกสุดเท่ในภาพลักษณ์ที่เข้ากับบรรยากาศของยุคนั้นครับ

เหตุผลที่ คิมโซยอน และ รยูคยองซู ตัดสินใจเข้าร่วมแสดงใน Tale of the Nine Tailed 1938

คิมโซยอน: เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือฉันเองอยากลองแสดงซีรีส์แนวแฟนตาซีมากๆ เลยค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสดีในชีวิตที่ฉันได้ลองโบยบินอยู่บนท้องฟ้าดูบ้าง จะบอกว่านี่เป็นซีนที่ฉันชอบที่สุดจนทำให้ตัดสินใจรับบทนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ

รยูคยองซู: สำหรับผมเป็นเรื่องของตัวบทครับ บทซีรีส์สนุกมาก ผมอ่านจบเร็วมากๆ แต่ก็มีจุดที่กังวลนิดหน่อยคือการต้องเล่นเป็นเพื่อนของคุณอีดงอุคและคุณคิมโซยอน เพราะประสบการณ์ด้านการแสดงยังน้อย ผมจึงกังวลว่าผมจะเล่นออกมาได้เข้ากับรุ่นพี่ทั้งสองคนหรือเปล่า แต่ต้องขอบคุณผู้กำกับที่ทำให้ผมกล้าและมีความเชื่อมั่น จนทำให้สามารถแสดงออกมาได้อย่างมั่นใจมากขึ้นครับ

ซีรีส์ภาคต่อครั้งนี้ย้อนเวลาไปไกลในปี 1938 มีเรื่องสนุกๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำในฉากย้อนอดีตเหล่านี้มาเล่าให้ฟังบ้างไหม

คิมบอม: สำหรับผม อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทำมันค่อนข้างแปลกใหม่มากเลยครับ อาวุธที่เคยใช้ในภาคก่อนหน้าก็เปลี่ยนไป มีการปรับเปลี่ยนรูปทรงให้เหมาะกับยุคนั้น ผมขี่ม้าแทนที่จะใช้รถยนต์ ที่สำคัญคือปืนที่ผมใช้ในการถ่ายทำได้ยินว่าเป็นปืนจริงๆ ที่ใช้ในยุคสงครามโลกครั้งที่สองด้วย

อีดงอุค: การเซ็ตฉากในเรื่องนี้สุดยอดมากๆ ครับ ต้องชื่นชมทีมศิลปกรรมที่สร้างภาพบรรยากาศของปี 1938 ออกมาได้ดีจนทำให้รู้สึกราวกับว่าได้ไปในยุคนั้นจริงๆ เลย นอกจากนี้ในบางฉากก็จะมีการเติมเต็มให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย CG ซึ่งผมเห็นแล้วรู้เลยว่าทีมงานทุกคนทุ่มเทกันมาก ผมมีความสุขและดีใจที่ได้กลับมาแสดงเป็นอียอนอีกครั้ง และจะขอบคุณมากถ้าผู้ชมทุกคนชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกันกับผมครับ

คิมโซยอน: ฉันประทับใจในความพิเศษของฉากและบรรยากาศในยุคนั้นคล้ายๆ กับที่คุณอีดงอุคและคุณคิมบอมบอกค่ะ และเพราะว่า Tale of the Nine Tailed 1938 เป็นซีรีส์แนวแฟนตาซี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้แสดงในฉากที่มีกรีนสกรีนรายล้อมทั้งสี่ด้าน ฉันรู้สึกว่ามันพิเศษและสนุกมากๆ ค่ะ

รยูคยองซู: เราต้องไปถ่ายทำกันที่ต่างจังหวัดตลอดทั้งเรื่องครับ เพราะฉากและบรรยากาศในเรื่องเป็นช่วงเวลาในอดีต ก็เลยทำให้รู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วย ในซีรีส์เรื่องนี้ผู้ชมจะได้เห็นภาพความสวยงามของธรรมชาติในเกาหลีใต้เยอะมากเลยครับ มีครบทั้ง 4 ฤดู ไม่ว่าจะเป็น ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

ความท้าทายของตัวละครหลักทั้งสี่ใน Tale of the Nine Tailed 1938 เมื่อต้องมารับบทเป็นเทพและสัตว์ในตำนานที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้

คิมบอม: สำหรับผมมีการเตรียมตัวมาตั้งแต่ในซีซันแรกแล้วครับ เพราะว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกูมิโฮ ผมก็เลยดูสารคดีเกี่ยวกับจิ้งจอกพื้นเมืองเกาหลีว่าจุดไหนที่น่าจะเอามาใช้ในฉากแอ็กชันได้บ้าง อย่างเช่นถ้ามนุษย์จะต่อสู้ด้วยการชกต่อยกัน แต่จิ้งจอกจะเป็นการข่วนกันแทน ผมพยายามจะใส่ใจรายละเอียดในเรื่องเหล่านี้ครับ

อีดงอุค: ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องอินไปกับโลกที่นักเขียนสร้างขึ้นมาให้ได้ครับ เพราะสิ่งที่สำคัญสำหรับซีรีส์แนวแฟนตาซีคือการที่นักแสดงและผู้ผลิตต้องสามารถทำให้คนดูเชื่อได้ ผมพยายามคิดอยู่ตลอดว่าจะแสดงออกมาให้เหมือนกับกูมิโฮที่มีชีวิตมานานกว่า 1,000 ปีได้จริงๆ ไหม ทั้งเรื่องของคุณสมบัติ ความเฉลียวฉลาด และการแสดงฉากแอ็กชันด้วยครับ

คิมโซยอน: ตัวละครของฉันจริงๆ แล้วเป็นนกเค้าอินทรีค่ะ นั่นทำให้ตัวฉันเองต้องไปหาสารคดีเกี่ยวกับนกเค้าอินทรีมาดูเหมือนกัน ฉันอยากจะลองแปลงร่างเป็นนกเค้าอินทรีในละครดูสักครั้ง ฝากทุกคนติดตามดูว่าฉันจะได้แปลงร่างหรือไม่ด้วยนะคะ

รยูคยองซู: ตัวละครของผมจะต้องใช้จินตนาการค่อนข้างเยอะครับ เพราะผมสามารถปล่อยไฟจากฝ่ามือได้ ก็เลยต้องเอาไปทำ CG ต่อทีหลัง ทำให้บางครั้งเวลาแสดงก็แอบรู้สึกเขินๆ อยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ผมก็ต้องสะกดจิตตัวเองไว้ก่อน เหมือนกับที่คุณอีดงอุคพูดเลยครับว่าเราต้องทำให้คนดูเชื่อในตัวละครให้ได้

Tale of the Nine Tailed 1938 ได้คนเบื้องหลังชุดเดิมมาดูแลการผลิต ทั้งผู้กำกับ คังชินฮโย และนักเขียน ฮันอูรี โดยจะออกอากาศให้ชมอีพีแรกในวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้ แฟนซีรีส์ชาวไทยสามารถรอรับชมพร้อมซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ผ่าน Prime Video