“ผมคิดว่าชีวิตผมเหมือนกับภาพยนตร์”
โจเอล เอ็มบีด เซ็นเตอร์ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส กล่าวหลังจากเป็นผู้ครองตำแหน่ง MVP หรือผู้เล่นทรงคุณค่า คนล่าสุดของ NBA
เขามาจากเด็กหัดเล่นบาสเกตบอลครั้งแรกที่แคเมอรูน แผ่นดินเกิด ขณะอายุ 15 ปี
โค้ชด็อก ริเวอร์ส เคยประกาศเอาไว้ตั้งแต่เดือนก่อน หลังจากเห็นเอ็มบีดซัด 52 จากทั้งหมด 103 แต้มของทีม สยบบอสตัน เซลติกส์ ท้ายฤดูกาลได้สำเร็จ
“การแย่งชิง MVP มันจบแล้วล่ะ เขาเพิ่งสกอร์ไปครึ่งหนึ่งของทีมเรากับเกม NBA ผมอาจจะเอนเอียง แต่การแย่งชิง MVP มันจบแล้ว”
สิ่งที่ริเวอร์สทำนายเอาไว้กลายเป็นจริงในที่สุด
เขาได้รับโหวตอันดับหนึ่ง 73 เสียง รวม 915 แต้ม, นิโคล่า โจคิช เจ้าของตำแหน่ง MVP สองสมัยล่าสุด หล่นไปเป็นรองอันดับหนึ่ง 15 เสียง รวม 674 แต้ม, ยานนิส อันเดโทคุนโบ อดีต MVP 2019 และ 2020 ได้ 12 เสียง รวม 606 แต้ม
ภาพ: NBAPR
เอ็มบีดยังเป็น MVP คนแรกของซิกเซอร์สนับจาก แอลเลน ไอเวอร์สัน ปี 2001 ก่อนหน้าก็มี ด็อกเตอร์เจ จูเลียส เออร์วิ่ง 1981, โมเสส มาโลน 1983 และ วิลท์ แชมเบอร์เลน 1966-1968
เซ็นเตอร์วัย 29 ปีจากยาอุนเด้, แคเมอรูน ผลงานเฉลี่ยมากสุดในอาชีพ 33.1 คะแนน พร้อมด้วย 10.2 รีบาวด์ กับ 4.2 แอสซิสต์ 1.7 บล็อก
เอ็มบีดลงแข่ง 66 เกม มากที่สุดอันดับ 2 อาชีพ
มาไซ อูจิริ ผู้อำนวยการทีมโตรอนโต แรปเตอร์ส และผู้บริหารโครงการบาสเกตบอลไร้พรมแดนในแอฟริกา เพิ่งส่งรูปเอ็มบีดสมัยเด็กไปให้ ลุก เอ็มบาห์ อามูเต้ ดู คำแรกของเขาก็คือ “ว้าว ดูเจ้าเด็กคนนี้สิ”
What a blessing!!!! Started playing basketball in 2011 and it was here in South Africa that I got a once in a lifetime opportunity. Here I am lucky enough to represent Cameroon and the whole continent of Africa #TheProcess pic.twitter.com/FvE4sfC4ft
— Joel “Troel” Embiid (@JoelEmbiid) August 5, 2018
ภาพสมัยปี 2011 ตอนเข้าแคมป์บาสเกตบอลไร้พรมแดน
ถ้าจะมีใครสักคนที่เล่าเรื่องเอ็มบีดเมื่อยังเป็นเพชรในตมได้ดีที่สุดก็คงเป็น เอ็มบาห์ อามูเต้ ผู้เปรียบเสมือนโค้ชบาสเกตบอลคนแรกของเอ็มบีด
ขณะนั้นเอ็มบีดมาเข้าแคมป์บาสเกตบอลไร้พรมแดนในปี 2011 ด้วยน้ำหนักไม่ถึง 200 ปอนด์ (90 กิโลกรัม) และทีแรกไม่ถูกเลือกติดแคมป์ท็อป 20 ด้วยซ้ำ
การพุ่งทะยานขึ้นมาจนมีวันนี้ได้ สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กหนุ่มในแอฟริกาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เขาคือเด็กที่มักโดนเขี่ยออกไปข้างๆ แต่ยังพยายามเดินหน้า และใช้มันเป็นแรงบันดาลใจ” เอ็มบาห์ อามูเต้ กล่าว “เห็นเขาในวันนี้แล้ว ผมถือว่าเป็นเรื่องราวที่งดงาม”
Caption: เอ็มบาห์ อามูเต้ กับทีมฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส เมื่อปี 2015
ตัวดัง NBA ส่วนใหญ่ต่างโตขึ้นมาด้วยความหลงใหลในบาสเกตบอล ไล่ตามความฝันแต่เด็ก ผ่านระดับมัธยมจนถึงคอลเลจ
ดังนั้นกรณีของเอ็มบีดต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องปกติ แต่มองอีกมุมก็ต้องถือว่าเขามีพรสวรรค์มาก ขนาดเพิ่งหัดเล่นบาสเกตบอล เพราะดูจากคลิปในยูทูบแล้วเกิดแรงบันดาลใจ จากเดิมเล่นแต่วอลเลย์บอลและซอกเกอร์มาตลอด
เอ็มบีดเดินทางมาสหรัฐอเมริกาเมื่ออายุ 16 ปี หลังจากค้นพบว่าตัวเองชอบ บาสเกตบอลได้ไม่นาน
“นี่คือเรื่องจริง ต้องขอบคุณพระเจ้า ตอนผมออกจากแคเมอรูนผมอายุ 16 ปี ผมพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น ไม่รู้จักใครในอเมริกา ไม่เข้าใจวัฒนธรรมอะไรของที่นี่นอกจากฮิปฮอปทั่วไป
“หลายคนอาจพอทราบเรื่องของผมมาก่อน แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่ามันบ้าขนาดไหนในเมื่อผมเพิ่งหัดเล่นบาสเกตบอลแค่ 3 เดือน ก่อนจะได้รับข้อเสนอให้มาแข่งบาสเกตบอลมัธยมในฟลอริดา”
เขาเริ่มต้นแย่อย่างที่คาด โดนเพื่อนๆ ล้อตั้งแต่ซ้อมครั้งแรก
“ผมดังก์ได้ แต่ผมถือบอลไม่เป็น ผมจึงเริ่มซ้อมตั้งแต่วันแรกทันที ผลคือมันแย่ขนาดโค้ชไล่ออกจากโรงยิม
“ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ผมผอมบางและป้อแป้มาก ที่แย่กว่านั้นคือเพื่อนร่วมทีมทุกคนล้อเลียนผม เหมือนเป็นพวกเด็กเปรตทั้งหลายที่เห็นในภาพยนตร์เกี่ยวกับโรงเรียนมัธยม
“ผมมองพวกเขาแล้วไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าพูดอะไรกัน”
แต่แทนที่จะท้อ เอ็มบีดกลับไปนั่งดูยูทูบหวังพัฒนาฝีมือ โดยเฉพาะแก้ไขการชู้ต
เขาไปเจอคลิปคนผิวขาวอายุ 30 ปียิง 3 แต้มในแบบที่ศอกแนบ เข่างอ ปล่อย ฟอลโลว์ทรู อย่างสมบูรณ์แบบ
ใครจะไปเชื่อว่าเพราะยูทูบจึงทำให้เอ็มบีดเก่งขึ้น จนได้ทุนเข้ามหาวิทยาลัยแคนซัส เรียนแค่ปีเดียว 2013 ก็ตัดสินใจประกาศเข้าดราฟต์ NBA
เขาถูกดราฟต์สูงถึงอันดับ 3 โดยฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส ปี 2014 หรือเพียง 5 ปี หลังจาก เอ็มบาห์ อามูเต้ เพิ่งหัดบาสเกตบอลให้ ทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนร่วมทีมซิกเซอร์ส
ตอนที่เอ็มบีดเข้า NBA ฤดูกาลแรก เด็กโย่งร่างยักษ์ใฝ่รู้ทุกอย่าง มีคำถามมากมาย ทำให้ เอ็มบาห์ อามูเต้ เชื่อมั่นว่าเอ็มบีดจะต้องไม่ธรรมดา
ในที่สุดเมื่อเอ็มบีดลงแข่งอาชีพหนแรก เอ็มบาห์ อามูเต้ ก็ทึ่งกับมูฟเมนต์ต่างๆ ที่ไหลลื่น ไร้รอยต่อ
นับจากนั้นก็กลายเป็น เด็กคนนี้คือ All-Star, เด็กคนนี้ถูกชมว่าน่ามีลุ้น MV, เด็กคนนี้เป็นตัวทำสกอร์มากที่สุดในลีก
“ทั้งหมดถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจในแง่บวกสำหรับผม เพราะผมยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่ดี”
เอ็มบีดยังคงเดินทางกลับแอฟริกา เพื่อทำงานกับผู้เล่นเด็กๆ ในแคมป์บาสเกตบอลไร้พรมแดนและ NBA แอฟริกา
คริส เอเบอร์โซล รองประธานลีก และหัวหน้าฝ่ายอีลิท บาสเกตบอล เล่าถึงตอนที่เห็นกลุ่มผู้เล่นเยาวชนนั่งจ้องเอ็มบีดขณะฝึกซ้อมกับ ดรูว์ แฮนเลน เทรนเนอร์ส่วนตัว อย่างไม่วางตา
“เขาซ้อมหนักทุกวัน มันมีค่ากับผู้เล่นเด็กเป็นอย่างมาก เมื่อได้เห็นบุคคลต้นแบบเช่นนี้ เหงื่อเขาหยดเป็นสาย และยังผลักดันตัวเองไม่หยุด ทำให้เด็กเหล่านี้มาเห็นเบื้องหลังว่าหลายอย่างของเขามันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่มันมาจากการทำงานหนัก เขาชู้ตไม่ลงเวลาซ้อม เขาผิดพลาดได้ นั่นคือสิ่งที่เขาเอามาพัฒนา”
เมื่อเทียบเอ็มบีดเวอร์ชันเข้าแคมป์ 12 ปีที่แล้ว กับตอนนี้ เอเบอร์โซลบอกว่า “ยังกับเห็นคนละคนกันเลย”
เขาเห็นไฮไลต์ผลงานเอ็มบีดเดือนมกราคมเมื่อลงสู้เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ซึ่งมีโจคิช แต่เอ็มบีดยังทำ 47 คะแนน 18 รีบาวด์ 5 แอสซิสต์ รวมทั้งกดระยะสาม ตัดสินเกมใส่เซ็นเตอร์คู่แข่งด้วย
“เห็นแล้วรู้สึกอึ้งมากๆ กับโมเมนต์เหล่านั้น ถือว่าเขาได้ปักธงลงไปบนการพูดคุยเรื่อง MVP และเป็นการแสดงให้เห็นว่ามันสำคัญกับเขาแค่ไหน”
คริส แบ้บค็อก อดีตโค้ชฝ่ายพัฒนาฝีมือซิกเซอร์ส เดินทางไปหาเอ็มบีดที่กาตาร์ เมื่อปี 2016 หลังจากปัญหาบาดเจ็บเท้าทำให้เขาลงแข่งไม่ได้ 2 ปีติดนับจากโดนดราฟต์
ระหว่างการทำกายภาพ ซึ่งบางทีก็น่าเบื่อ แบ้บค็อกบอกให้เอ็มบีดลองสมมติตัวเองเป็นตัวมือปืนชู้ตแม่นแบบ สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ เมื่อหลุดจากพิก-แอนด์-โรลล์ ออกมา
“ผมแทบจะล้อเล่นมากกว่า แต่เขากลับแสดงทักษะแบบที่เปิดหูเปิดตา จนคุณต้องอุทานว่า ให้ตายสิ เขาไม่ใช่พวกยักษ์ทั่วไป เขามีอะไรในฝีมืออีกเยอะ”
แบ้บค็อกได้เห็นเอ็มบีดผสมผสานทั้งความมุ่งมั่นต่อสู้และความชาญฉลาดออกมาหลากหลาย
ถ้าเขาเล่นวิดีโอเกมแล้วตกเป็นรองก็จะโยนรีโมตทิ้ง ฟาดใส่คอนโซล แล้วพูดว่า “เกมนี้ไม่นับแล้วกัน”
ถ้าเขาตีเทนนิสแล้วผลงานแย่ก็จะหายไปเป็นสัปดาห์ เพื่อนั่งศึกษาจากคลิปในยูทูบ
“พอเขากลับมา จุดอ่อนก็ไม่เหลือแล้ว” แบ้บค็อก ซึ่งปัจจุบันทำงานกับคลีฟแลนด์ แคฟเวเลียร์ส กล่าว “คนที่มีลักษณะแบบนี้ถือว่าโดนโปรแกรมให้แตกต่าง”
หลังจากทริปที่กาตาร์ เอ็มบีดลงแข่งแบบโดนจำกัดเวลา แต่ยังมีผลงานเฉลี่ย 20.2 คะแนน 7.8 รีบาวด์ จากเวลาแข่ง 25.4 นาที รวมทั้งสิ้น 31 เกม ซีซัน 2016/17 อาการบาดเจ็บก็กลับมาอีก
นับจากนั้นแบ้บค็อกก็เข้าไปช่วยเอ็มบีดให้เติบโต ได้เห็นเอ็มบีดเคลียร์อุปสรรคและการซ้อมปิดฤดูกาล
“เขาเก่งขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่องด้วย จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในลีก และคงจะเป็นต่อไปอีกหลายปี”
ก่อนที่เอ็มบีดจะลงแข่ง NBA เกมแรก เขาจะเดินรอบๆ แฮนเล่น ขณะที่แฮนเล่นก็สอนการมูฟท่าใหม่ๆ เวลาฝึกซ้อม
ทำให้ดูอีกได้ไหม? ทำให้ดูอีกได้ไหม? ทำให้ดูอีกได้ไหม?
สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นก็คือ ความสามารถที่จะเปลี่ยนจากสิ่งที่เห็น เอามาหัด และใช้ในการซ้อมตัว-ตัวได้ทันที
จนทุกวันนี้เวลาเอ็มบีดนั่งดูฟิล์มแล้วคุยกันถึงว่าควรทำแบบไหนบ้าง
“คืนต่อมาคุณก็จะเห็นเขาทำมันในการแข่งแล้ว”
แฮนเล่นมีลูกศิษย์ดังใน NBA หลายราย รวมทั้งตัว All-Star แบบ เจย์สั้น เททั่ม กับ แซ็ค ลาวีน บอกว่า “มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ปกติต้องซ้อมหลายชั่วโมง เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ถ้าไม่เป็นปีจะไม่ช่ำชอง แต่เขากลับเอามาปรับใช้ในคืนต่อมาได้เลย”
จึงไม่น่าแปลกที่เอ็มบีดยังคงยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นทุกซีซัน
เขากับแฮนเล่นจะศึกษาฟิล์ม ดูวิธีรับมือการป้องกันด้วยกันระหว่างซัมเมอร์อย่างเอาจริงเอาจัง หรือบางทีก็ช่วงแวะไปมาหาสู่หรือคุยกันระหว่างฤดูกาล
พวกเขาประทับใจการดูฟอร์ม เดิร์ก โนวิตซกี้ ช่วงรุ่งเรือง ทะลุถึงรอบชิง NBA นั่งศึกษาว่าควรเล่นบริเวณหัวกะโหลกและแถวเส้นโทษอย่างไร เพราะนั่นคือพื้นที่รับมือกับการโดนดับเบิ้ลหรือทริปเปิ้ลทีมที่ดีที่สุด
ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นเอ็มบีดกลายเป็นเซ็นเตอร์ ซึ่งทำสกอร์ได้ทั้งการเลี้ยงบอลลุยใส่ห่วง หรือนิ่งพอจะจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมเวลาโดนคู่แข่งรุมใส่
แฮนเล่นยกตัวอย่างเกม 2 ซึ่งซิกเซอร์สปะทะเน็ตส์รอบแรก เป็นตัวอย่าง เอ็มบีดจ่ายให้ โทไบแอส แฮร์ริส ซัด 3 จากมุมคอร์ต แล้วก็จ่ายให้ ทายหรีส แม็กซี่ย์ โจมตีทันทีที่เห็นตัวประกบปิดมาทางเขา
“ตัวสกอร์เก่งจะสยบใส่ตัวป้องกันของเขาได้ ตัวสกอร์สุดยอดจะเอาชนะทีมคู่แข่ง” แฮนเล่นเอาคำที่ โคบี้ ไบรอันท์ ผู้ล่วงลับ มาพูด
“นั่นคือสิ่งที่ปรับแนวคิดของผม ในเมื่อโจเอลมีฝีมือทำสกอร์ เพื่อเอาชนะตัวประกบของเขาได้ แต่เวลาเพลย์ออฟเขาไม่ได้มองแค่ตัวป้องกันคนเดียว ทุกปีเขามีบทบาทต่อชัยชนะมากขึ้นและมากขึ้น”
แฮนเล่นเคยเชื่อว่าเอ็มบีดต้องได้ MVP ตั้งแต่ซีซัน 2020/21 เมื่อซิกเซอร์สสถิติดีที่สุดของตะวันออก แต่เขาบาดเจ็บเข่าท้ายฤดูกาลปกติ จึงโดนโหวตเป็นอันดับ 2
ปีก่อนก็เช่นกัน เทรนเนอร์ชื่อดังมั่นใจว่าเอ็มบีดต้องได้รางวัล ในเมื่อสกอร์เป็นอันดับ 1 ของลีก และการป้องกันก็เหนียวแน่น
ถึงกระนั้นแฮนเล่นก็ยังบอกว่า การคั่วตำแหน่ง MVP ไม่ใช่โฟกัสที่ทั้งสองคนมุ่งมั่นระหว่างเตรียมตัวแข่งซีซันนี้
“การที่เขาคัมแบ็กในเวอร์ชันตัวเองที่เก่งยิ่งขึ้น ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นผู้ชนะในบั้นปลายอยู่ดี” แฮนเล่นมั่นใจ
เกมแรกของเพลย์ออฟ รอบ 2 เอ็มบีดลงแข่งที่บอสตันไม่ไหว เขากับแฮนเล่นก็ยังยืนคุยกันอยู่ตรงโถงด้านนอกล็อกเกอร์รูมในทีดีการ์เดน
“เมื่อไรที่เราคุยกัน เราจะคิดแต่เรื่องทำอย่างไรเขาจึงจะเพิ่มระดับฝีมือเข้าไปอีก มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาพิเศษเพียงใด ผมไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนในชีวิต”
แม็กซี่ย์ยอมรับว่า ก่อนดราฟต์เข้ามาปี 2020 เขาไม่ค่อยดูเกมซิกเซอร์สมากนัก และเพราะเขาเล่นตำแหน่งการ์ด จึงไม่ค่อยศึกษาการเล่นของผู้เล่นตัวใหญ่มากเท่ากับคู่แข่งรูปร่างไล่กัน
กระทั่งแม็กซี่ย์มาเข้าเทรนนิ่งแคมป์ก่อนซีซันรูกกี้ เขาเห็นกับตาว่าเอ็มบีดตัวใหญ่มาก เพราะขนาดยืนข้าง ดไวท์ ฮาเวิร์ด เซ็นเตอร์สำรองที่สูง 6 ฟุต 10 นิ้ว เขายังบังดไวท์มิด
“เขาเหนือชั้นมากตั้งแต่เทรนนิ่งแคมป์ มีสมาธิกับการเตรียมแข่งซีซันนั้น และเขาก็ยังเก่งขึ้นมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่ทำ ทั้งเรื่องเลี้ยงบอล ครองบอลในมือ และหาตำแหน่งที่จะเข้าชู้ตได้ถนัด แนวทางทำสกอร์ของเขามันสุดยอด ขณะเดียวกันคุณก็สกอร์ใส่เขาไม่ได้ด้วย ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน พอได้เห็นอยู่ตรงหน้ายิ่งรู้สึกมหัศจรรย์”
จังหวะที่แม็กซี่ย์เข้ามาอยู่ซิกเซอร์ส ตรงกับช่วงที่เอ็มบีดกำลังเก่งกาจขึ้นลุ้นรางวัล MVP
การ์ดปี 3 ยังทึ่งที่เอ็มบีดยังคงหาจังหวะการเล่นแบบใหม่ เพื่อเอามาใช้แข่ง ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่ยังรวมถึงพวกเขาด้วย
“เขายังช่วยทำให้ผมมีความมั่นใจ เวลาตัวเก่งที่สุดในทีมมั่นใจในตัวคุณ มันทำให้คุณแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ สามารถโชว์ฟอร์มในระดับที่สูงสุด”
หลายชั่วโมงก่อนผู้เล่นซิกเซอร์สมานั่งรวมตัวกันเพื่อฟังประกาศรางวัล MVP ซึ่งกลายเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในอาชีพของเอ็มบีด
โค้ชริเวอร์สสะท้อนคำที่แม็กซี่ย์พูดออกมาคล้ายกัน พร้อมยังยกเรื่องโรดแมปที่ผลักดันเอ็มบีดจากแค่ตัวลุ้น MVP มาเป็นผู้ชนะ
- พัฒนาความฟิต
- เป็นตัวป้องกันที่เหนือชั้นในควอเตอร์ 4
- หาตำแหน่งที่จะเล่นเกมบุกและจุดที่จะชู้ตอย่างมีประสิทธิภาพ กับการหลุดเข้าไปทะลวงสกอร์ด้านใน
- แยกแยะตำแหน่งการชู้ตได้
- พัฒนาการเป็นตัวจ่าย
“มันเกิดขึ้นได้ เพราะคุณนั่งศึกษาฟิล์มและลงมือปฏิบัติได้ และจากนั้นคุณก็ต้องเอามาฝึกฝนเป็นร้อยครั้งด้วยตัวเอง” ริเวอร์สกล่าว
เมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆ ดังกล่าวสำเร็จ ก็จะเปลี่ยนสภาพจากเด็กแอฟริกันผอมบางหัดเล่นบาสตอนอายุ 15 ปี ให้เป็น MVP ได้ในที่สุด