แมนทั้งแท่งแบบมีเงื่อนไขและเพศที่ลื่นไหล งานวิจัยล่าสุดเผยผู้ชายก็ต่างมีความเป็นเกย์อยู่ในตัวกันทั้งนั้น

คงถึงเวลาที่คำว่า ‘แมนทั้งแท่ง’ จะต้องถูกสั่นคลอน เมื่อนับแต่นี้ความหมายของคำดังกล่าวอาจยกขึ้นมาอธิบายมนุษย์เพศชายแมนๆ ไม่ได้ทั้งหมด นั่นก็เพราะผลงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องเพศล่าสุดออกมาเผยว่า มนุษย์ที่นิยามตนเองว่าเป็น ‘สเตรท’ (straight) หรือชายจริงหญิงแท้นั้นอาจถูกปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศได้จากคนเพศเดียวกัน และไม่มีใครจะเป็นชายจริงหญิงแท้ได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าตกใจสักเท่าไร เพราะในปัจจุบันนั้น จักรวาลเรื่องเพศวิถีกว้างไกลไพศาล มีการนิยามรสนิยมและพฤติกรรมทางเพศในรูปแบบใหม่ๆ ขึ้นอยู่เสมอ แต่งานวิจัยชิ้นที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ เราพบว่ามีแง่มุมที่น่าสนใจและอาจจะส่งผลที่ดีต่อไปยังอนาคตเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศก็เป็นได้

Photo: giphy

‘Fluid Sex’ หรือ ‘ความลื่นไหลทางเพศ’ ยังคงเป็นประเด็นเรื่องเพศวิถีที่หยิบยกขึ้นมาศึกษาและถกประเด็นกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งแปลอย่างเข้าใจง่ายที่สุดคือการที่มนุษย์มีเพศไม่ตายตัวลื่นไหลไปเหมือนสายน้ำ กล่าวคือ ไม่มีนิยามความเป็นชาย เป็นหญิงตายตัว สุดแล้วแต่ปัจเจกจะนิยามตัวเองในแต่ละบริบทของชีวิต ซึ่งงานหนังสือเรื่อง Mostly Straight: Sexual Fluidity Among Men ของ ด็อกเตอร์ ริตช์ ซี. ซาวิน-วิลเลียมส์ (Ph.D. Ritch C. Savin-Williams) ผู้อำนวยการฝ่ายจิตวิทยาพัฒนาการ และแล็บเพศและเพศสภาพ แผนกพัฒนาการมนุษย์ในมหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องการนำเสนอแนวคิดที่จะทลายกรอบกำแพงเรื่องเพศทั้งหลายลงให้ไม่ยึดติดอยู่กับความเชื่อและประเพณีนิยมเดิมๆ เพราะเขาพบว่าพฤติกรรมของเพศชายที่ศึกษาในงานชิ้นนี้อาจจะไม่ใช่พฤติกรรมแบบชายจริง ไม่ใช่เกย์ ไม่ใช่ไบเซ็กชวล ดังนั้นทิ้งคำนิยามเพศทุกคำไปก่อนนะ!

ในหนังสือเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น ได้บรรจุงานวิจัยโดยยกประเด็นเรื่องการแบ่งแยกกลุ่มคนรักชอบเพศตรงข้าม (Heterosexual) หรือกลุ่มที่มีความสัมพันธ์แบบเพศตรง กล่าวคือชายชอบหญิง หญิงชอบชาย และกลุ่มคนรักชอบเพศเดียวกัน (Homosexual) ออกจากกัน ซึ่งซาวิน-วิลเลียมส์ มองว่าเป็นเรื่องที่ผิดที่จะต้องแยกคนออกเป็น 2 กลุ่มนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่นิยามตัวเองว่าเป็น ‘ชายแท้’ หรือ ‘หญิงแท้’ นั้นเขาได้ให้ความเห็นไว้ว่า จริงๆ แล้ว คำนิยามดังกล่าวอาจต้องพ่วงคำว่า ‘เกือบ’ เข้าไปด้วย เพราะไม่มีใครเป็นชายแท้หญิงแท้แบบ 100%

Photo: giphy

ซาวิน-วิลเลียมส์ ได้ดำเนินการศึกษาของเขาโดยการเกณฑ์ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘สเตรท’ หรือชายแท้มาจำนวน 40 คนในวัย 18-24 ปี ซึ่งมีคาแรกเตอร์ที่หลากหลายมากทั้งฮิปสเตอร์ เนิร์ด กลุ่มนักเล่นสเกตบอร์ด รวมไปถึงชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันทั้งผมสั้น ผมยาว มีเคราครึ้ม หนุ่มล่ำ มีรอยสัก และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้ได้กลุ่มศึกษาที่หลากหลายและกว้าง โดยใช้เวลาอยู่หลายต่อหลายปีเพื่อสังเกตพฤติกรรม ทัศนคติและปฏิกิริยาตอบรับทางร่างกายว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร คิดเห็นอย่างไร จากการพูดคุยและการทดลอง

จากการเก็บข้อมูลผ่านการสนทนา เขาก็พบว่าชายหนุ่มส่วนใหญ่เติบโตมากับคอนเซปต์ของการเป็น ‘ผู้ชาย’ ตามประเพณีนิยมกล่าว นั่นคือพวกเขาก็ทำทุกอย่างตามครรลองอย่างที่มนุษย์ผู้ชายควรจะเป็น ต้องชอบผู้หญิง ต้องแมน แต่ 5-10% ของพวกเขาเองก็ยังคงมีความสนใจอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะหันมามองเพศเดียวกันโดยที่พวกเขาต่างรู้ตัวเองว่าพวกเขาเป็นผู้ชายแท้ และไม่ใช่เกย์ พวกเขาอาจจะชื่นชอบการที่ได้มองผู้ชายหน้าตาถูกใจ หรืออาจจะต้องการกอดกับเพื่อนผู้ชาย ช่วยตัวเองด้วยกัน หรือทำออรัลเซ็กซ์กับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน ถึงตรงนี้คุณอาจจะต้องทำความเข้าใจด้วยประโยคสั้นๆ ที่ว่า ‘การชอบผู้ชาย ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นเกย์’ ซึ่งพวกเขาที่ว่าจะไม่ใช่คนที่บอกว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวลหรือเกย์ ไม่ใช่คนที่หวาดกลัวว่าสังคมจะประณามที่เขามีอะไรกับผู้ชายจนต้องคบผู้หญิงบังหน้า เขาจะไม่ใช่คนที่พิมพ์ข้อความ ‘แมนๆ เตะบอล ห้องว่าง อยากได้แมนๆ เหมือนกันครับ’ ในโปรไฟล์แอปฯ หาคู่ พวกเขาจะไม่มีเงื่อนไขอะไรเช่นนี้เกิดขึ้นในชีวิตเซ็กซ์หรือชีวิตรักของพวกเขา มีเพียงแต่ความรู้สึกเท่านั้น

Photo: giphy

และนอกจากการเก็บข้อมูลผ่านการสนทนาและสัมภาษณ์แล้ว ซาวิน-วิลเลียมส์ ยังได้มีการทำการทดลองโดยการให้ชายสเตรทเหล่านั้นนั่งชมหนังโป๊หลากประเภท มีตั้งแต่หนังโป๊ชาย-หญิง หญิง-หญิง และหนังโป๊ที่มีฉากการสำเร็จความใคร่ของทั้งหญิงเดี่ยวและชายเดี่ยว โดยการทดลองในครั้งนี้จะทำการเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของรูม่านตาขณะชมว่าเกิดการขยายขึ้นหรือไม่ เพราะตามปกติร่างกายมนุษย์ไม่สามารถควบคุมปฏิกิริยาตอบสนองเหล่านั้นได้ โดยผลการวิจัยพบว่าผู้ชายแท้นั้นมีปฏิกิริยาที่รูม่านตาขยายตัวขณะชมภาพผู้หญิงช่วยตัวเอง และเช่นเดียวกัน ผู้ชายแท้ทั้งหลายมีปฏิกิริยาแบบเดียวกันขณะชมภาพผู้ชายช่วยตัวเอง

“ขณะเราโชว์ภาพผู้หญิงช่วยตัวเองให้กับกลุ่มชายสเตรทชม พวกเขาก็ตอบสนองด้วยปฏิกิริยาตื่นเต้นเป็นปกติ และเมื่อเราโชว์ภาพผู้ชายช่วยตัวเอง รูม่านตาของพวกเขาขยายขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเราสามารถอธิบายได้ในทางจิตวิทยาแล้วว่า พวกเขาไม่ใช่เกย์ ไม่ใช่เสตรทซะทีเดียว และก็ไม่ใช่ไบเซ็กชวลเสียด้วย” ซาวิน-วิลเลียมส์กล่าว

“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมา เพราะเป็นอีกแง่มุมวิธีที่จะศึกษาเรื่องเพศ ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ที่การระบุเพศของมนุษย์สักคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คนๆ นั้นนิยามตัวเอง และแน่นอนว่าเป็นเรื่องของการเร้าอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้นด้วยแต่ไม่มากนัก เพราะเมื่อมีแนวคิดแบบเพศตรงครอบความคิดอยู่ ผู้ชายต้องชอบผู้หญิงเท่านั้น แต่ทั้งที่จริงแล้ว ผู้ชายแท้บางคนก็มีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายแท้เหมือนกับที่ผู้หญิงรู้สึกถูกดึงดูดจากผู้หญิงด้วยกันเหมือนกัน”

Photo: giphy

หลังจากอ่านมาจนถึงตรงนี้ ถ้าคุณเกิดตั้งธงในใจว่า ‘แล้วผลการศึกษาเรื่องนี้จะสามารถให้อะไรกับสังคมล่ะ’ แน่นอนว่าคงไม่ได้มีไว้อธิบายปรากฏการณ์เรื่องเพศเฉยๆ เท่านั้น หรือในเมื่อผลการศึกษากล่าวว่า ทุกคนไม่ได้มีความเป็นชายจริงหญิงแท้กัน 100% อยู่แล้ว มันก็แค่นั้นไม่ใช่หรือ? แต่ลองนึกภาพดูว่าหากคุณมีความเข้าอกเข้าใจเรื่อง ‘ความลื่นไหลทางเพศ’ หรือการไม่นิยามเพศไปตามบรรทัดฐานสังคม สิ่งที่มนุษย์ในยุคต่อๆ ไปจะได้ครอบครองคือความหลากหลายทางเพศ การมีหนทางเลือกใหม่ๆ ให้กับการใช้ชีวิต ลองคิดถึงลูกหลานของเราที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาอย่างเป็นตัวของตัวเอง และได้แสดงบทบาทเรื่องเพศอย่างที่พวกเขาต้องการ โดยที่ไม่ต้องพยายามทำตัวให้ ‘เข้ากับ’ บทบาทใด หรือสังคมใดสังคมหนึ่งได้เท่านั้น เพราะสังคมต่างยอมรับว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ไม่ตายตัว และไม่ใช่สิ่งผิดบาปหากปฏิบัติตัวออกนอกรีต

Photo: giphy

ปีนี้พุทธศักราช 2561 แล้ว คงจะดีไม่น้อยหากคนจะเริ่มเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ แม้ในบริบท สังคมไทยยังไม่ได้พร้อมร้อยเปอร์เซนต์เพื่อเดินทางไปสู่สังคมของความลื่นไหลทางเพศก็ตาม ดังนั้นเรามาเริ่มต้นง่ายๆ จากการทำความเข้าใจความหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้นจากคนรอบข้างหรือคนในสังคมก็เป็นนิมิตรหมายที่ดี

Photo: Nisakorn Rittapai

อ้างอิง:

FYI

สเตรท (Straight) คือคำเรียกของกลุ่มคนที่มีเพศตรง เช่น ชายคือชาย หญิงคือหญิง มีรสนิยมทางเพศตามขนบธรรมเนียมหรือตามหลักศาสนา กล่าวคือ เป็นชายชอบหญิง หรือเป็นหญิงชอบชาย