นายกฯ ฝรั่งเศสเตรียมหารือกับผู้นำฝ่ายค้าน-สหภาพแรงงาน หลังเหตุประท้วงต้านแผนปฏิรูปเงินบำนาญยืดเยื้อ-รุนแรง

เอลิซาเบธ บอร์น นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เผยเมื่อวานนี้ (26 มีนาคม) ว่าตนเตรียมหารือกับผู้นำพรรคฝ่ายค้านและหัวหน้าสหภาพแรงงาน หลังจากที่เหตุประท้วงต่อต้านแผนปฏิรูปเงินบำนาญที่ผลักดันโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ส่อเค้ายืดเยื้อและมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เหตุประท้วงเกิดขึ้นในหลายเมืองสำคัญทั่วฝรั่งเศส โดยเฉพาะในกรุงปารีสซึ่งทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากที่รัฐบาลฝรั่งเศสใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 49.3 ในรัฐธรรมนูญ เพื่อผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปเงินบำนาญ โดยไม่ผ่านการลงมติของรัฐสภา ยิ่งทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างมากในหมู่พลเมืองฝรั่งเศส

บอร์นเผยว่า การประชุมหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 3 เมษายน เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม และคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม เธอระบุว่าแผนปฏิรูปเงินบำนาญที่จะปรับเพิ่มอายุผู้ที่จะได้รับเงินบำนาญจาก 62 ปี เป็น 64 ปี จะยังคงเดินหน้าต่อไป เนื่องจากเล็งเห็นว่าแผนปฏิรูปนี้จะมีส่วนช่วยลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่ของฝรั่งเศสได้ในอนาคต โดยทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับมติของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นผู้มีส่วนควบคุมความชอบธรรมในการออกกฎหมายฉบับดังกล่าวนี้

โดยบอร์นขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในช่วงเดือนพฤษภาคม 2022 นับตั้งแต่นั้นมาเธอใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 49.3 ในรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสไปแล้วถึง 11 ครั้ง ซึ่งเธอให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง AFP ว่าเธอจะไม่ใช้อำนาจพิเศษดังกล่าวอีก ยกเว้นเพียงแต่ประเด็นสำคัญทางด้านการเงินของประเทศเท่านั้น

บอร์นเน้นย้ำว่า ประเด็นที่เธอจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในช่วงตลอดหลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้คือการนำความสงบสุขกลับมายังฝรั่งเศส ท่ามกลางสภาวะตึงเครียดที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงยกระดับการตอบคำถามของตัวแทนรัฐให้สอดคล้องกับความคาดหวังของพลเมืองฝรั่งเศสให้มากเท่าที่จะทำได้

เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าความพยายามของรัฐบาลฝรั่งเศสในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและลดแรงต้านทานจากภาคส่วนต่างๆ นั้นจะทำให้เหตุชุมนุมประท้วงใหญ่ยุติลงได้โดยเร็วหรือไม่ โดยสหภาพแรงงานฝรั่งเศสได้กำหนดให้จัดการชุมนุมประท้วงใหญ่ครั้งที่ 10 ขึ้นในวันที่ 28 มีนาคมนี้ พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลมาครงระงับการผลักดันและบังคับใช้ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อหาทางออกที่ประนีประนอมและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย

แฟ้มภาพ: Julien de Rosa / Pool / AFP

อ้างอิง: