เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศจุดยืนว่ายุคการแทรกแซงของฝรั่งเศสในทวีปแอฟริกานั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ขณะกำลังเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรในแอฟริกา เพื่อฟื้นฟูและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน พร้อมปรับจุดยืนทางด้านการทหารและเดินหน้าสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
โดยผู้นำฝรั่งเศสได้เน้นย้ำว่า ฝรั่งเศสไม่ได้ปรารถนาที่จะกลับมาดำเนินนโยบายแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่นๆ ในแอฟริกาดั่งเช่นในยุคอาณานิคมอีกต่อไปแล้ว ท่ามกลางกระแสต่อต้านฝรั่งเศสที่ค่อยๆ เริ่มก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต และฝรั่งเศสเองก็กำลังเผชิญความท้าทายจากการแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามายังแอฟริกาของประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียและจีนอีกด้วย
มาครงเผยว่า ฝรั่งเศสกำลังปรับเปลี่ยนจุดยืนทางด้านการทหารในแอฟริกา กองกำลังทหารฝรั่งเศสที่ประจำการอยู่ในทวีปแห่งนี้จะมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยจะเน้นไปที่การฝึกซ้อมรบและการเตรียมความพร้อมให้กับกองกำลังของประเทศพันธมิตรมากยิ่งขึ้น
ในปี 2022 ที่ผ่านมา ทางการฝรั่งเศสเริ่มทยอยถอนกองกำลังทหารออกจากประเทศมาลี บูร์กินาฟาโซ และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยมาครงระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการจัดระเบียบความสัมพันธ์กับบรรดาประเทศพันธมิตรในแอฟริกาเสียใหม่ ไม่ใช่การถอนกำลังทางทหารออกไปทั้งหมดหรือลดการมีปฏิสัมพันธ์กันแต่อย่างใด
นอกจากนี้ทางการฝรั่งเศสยังประกาศจุดยืนพร้อมเป็นผู้สนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในแอฟริกา เนื่องจากทวีปแห่งนี้ยังมีสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งป่าไม้ในแอฟริกาก็มีส่วนสำคัญในการช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรเทาวิกฤตโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่กลับกำลังประสบปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การรุกล้ำพื้นที่ป่าเพื่ออุตสาหกรรมน้ำมัน ปาล์มและยาง รวมถึงการลักลอบค้าสัตว์ป่าและทำเหมืองแร่ผิดกฎหมาย
มาครงเดินทางไปประกาศจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส พร้อมเข้าร่วมการประชุม One Forest Summit 2023 ที่จัดขึ้นที่กรุงลีเบรอวีล เมืองหลวงของกาบอง เมื่อวานที่ผ่านมา (2 กุมภาพันธ์) โดยเวทีการประชุมนี้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์ผืนป่าและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อระบบสภาพอากาศโลก
โดยมาครงจะเดินทางต่อไปยังแองโกลา อดีตอาณานิคมของโปรตุเกส เพื่อลงนามข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาระบบการเกษตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการยกระดับความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศในแอฟริกาที่ใช้ภาษาอังกฤษและโปรตุเกสในการสื่อสาร รวมถึงเดินทางเยือนคองโกและดีอาร์คองโก ก่อนที่จะสิ้นสุดทริปเดินทางเยือนพันธมิตรในแอฟริกาครั้งนี้อย่างเป็นทางการ
ในปี 2022 ที่ผ่านมา มาครงได้เดินทางเยือนแคเมอรูน เบนิน และกินี-บิสเซา หลังจากที่เขาคว้าชัยในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 และการตัดสินใจเดินทางเยือนบรรดาประเทศพันธมิตรในแอฟริกาอีกครั้งในปีนี้ ก็สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทวีปแอฟริกาเป็นพื้นที่ทางการเมืองที่มาครงและทางการฝรั่งเศสให้ความสำคัญอย่างมาก แม้ยุคอาณานิคมจะสิ้นสุดลงไปหลายทศวรรษแล้วก็ตาม
ภาพ: Ludovic Marin / AFP
อ้างอิง:
- https://www.aljazeera.com/news/2023/3/2/macron-says-era-of-french-interference-in-africa-is-over
- https://www.thelocal.fr/20230302/era-of-french-interference-in-africa-is-over-macron-says-in-gabon/
- https://www.africanews.com/2023/03/02/french-president-says-era-of-interference-in-african-domestic-affairs-is-over/