บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ ‘READY’ เป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม Marketing Technology กำลังเดินหน้าเสนอขายหุ้น IPO 35 ล้านหุ้น โดยมีเป้าหมายในการนำแพลตฟอร์ม ‘Readyplanet All-in-One Platform’ ขยายขีดความสามารถของเทคโนโลยีด้านการตลาดและการขาย โตรับเทรนด์การตลาดดิจิทัล
โดย READY คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขายและการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว ที่ครอบคลุมด้านเว็บไซต์ (Website), โฆษณาออนไลน์ (Online Advertising), ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) และระบบจองโรงแรมโดยตรง (Hotel Direct Booking) โดยให้บริการผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาขึ้นเอง พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา ซึ่งนับเป็นแพลตฟอร์มของคนไทยที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในปัจจุบัน
ซึ่งล่าสุด READY กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจ (Sector) เทคโนโลยี (Technology) ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้
ทำไม ‘READY’ ถึงเป็นหุ้นน้องใหม่ที่น่าจับตา เราจะมาอธิบายให้ฟังในบทความนี้กัน
โอกาสของ ‘READY’ อยู่ในตลาดธุรกิจบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์ที่โตไม่หยุด
อย่างที่บอกไปว่า READY เป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการ Marketing Technology ดังนั้นการเติบโตของธุรกิจจึงมาจากอุตสาหกรรมอย่าง ‘ธุรกิจบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์’ ซึ่งได้เพิ่มขึ้นตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ผลสำรวจข้อมูลสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ประจำปี 2564 ใน 3 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลจาก ดีป้า ร่วมกับ สถาบันไอเอ็มซี พบว่า มีมูลค่ารวม 8.98 แสนล้านบาท ขยายตัว 25% จากปี 2563
และหากนับรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ที่สำรวจโดยดีป้า และอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม ปี 2564 จากการสำรวจโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) จะมีมูลค่ารวมที่ 1.58 ล้านล้านบาท ขยายตัว 14.33% สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเติบโตอย่างมากในทุกภาคส่วนอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงที่สุดคือ อุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัล
การเติบโตดังกล่าวมาจากการที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้คนใช้งานแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ (E-Retail) รับชมสื่อออนไลน์ และใช้บริการขนส่ง (E-Logistics) มากขึ้น ซึ่งตลาดที่เติบโตชัดเจนคือ E-Logistics เช่น บริการสั่งอาหาร ถือเป็นตลาดที่มีการขยายตัวมากกว่า 57% เช่นเดียวกับ E-Retail ที่เติบโต 44%
ขณะเดียวกันธุรกิจของ READY ยังเติบโตไปตามอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล ซึ่งน่าสนใจว่าในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโฆษณาของประเทศไทยมีเม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลโดยรวมเพิ่มขึ้นสะสมในอัตราเติบโต 27.5%
การประเมินโดยสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ร่วมกับ คันทาร์ (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่าเม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลจะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 9% ในปี 2565 เป็น 27,040 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตนั้นนอกจากพฤติกรรมการใช้สื่อของผู้บริโภคที่เข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้นแล้ว
ทางด้านของแบรนด์เองมีการโยกเม็ดเงินโฆษณาจากสื่อดั้งเดิมไปสู่สื่อดิจิทัล เราเห็นว่าแบรนด์ต่างๆ ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลที่หลากหลายขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและเอ็นเกจได้ดีขึ้น แบรนด์เห็นประโยชน์จากสื่อดิจิทัล ทั้งการสร้าง Awareness และ Conversion อีกทั้งยังสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโอกาสสำหรับ ‘READY’ ทั้งสิ้น
จุดแข็งด้วยประสบการณ์กว่า 22 ปี
ทุกคนต่างรู้ว่า ‘ดิจิทัล’ จะเป็นอนาคตที่สำคัญและมองข้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจสามารถไปต่อได้ คือความแตกต่างและความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้
ซึ่ง READY นอกจากอยู่ในธุรกิจที่เป็นเทรนด์ของโลกยุคใหม่ มีความแข็งแกร่งด้วยทีมผู้บริหาร และ ‘ทรงยศ คันธมานนท์’ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อีคอมเมิร์ซ และการตลาดดิจิทัลมากว่า 22 ปี ได้รับการยอมรับจากพันธมิตรซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก เช่น Google, YouTube, Facebook และ TikTok เป็นต้น
ขณะที่ทีมงานมีการพัฒนา Readyplanet All-in-One Platform เพื่อตอบโจทย์ด้านการขายและการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว (All-in-One Platform) เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมาเอง ทำให้บริษัทไม่มีความเสี่ยงในเรื่องการพึ่งพิงแพลตฟอร์ม หรือซอฟต์แวร์ของผู้พัฒนาจากต่างประเทศ
สำหรับ Readyplanet All-in-One Platform ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มการขายและการตลาดดิจิทัลระดับโลกภายใต้ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และเป็น Future ของ READY ประกอบไปด้วยโปรแกรมต่างๆ ที่พัฒนาสำหรับงานด้านการขายและการตลาดดิจิทัล ซึ่งครอบคลุม 3 ด้าน คือ
- การสร้างและบริหารจัดการเว็บไซต์ (Website)
- การทำโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising)
- การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)
แข็งแกร่งด้วย ‘Readyplanet All-in-One Platform’
ที่น่าสนใจคือ READY เน้นการทำตลาดแพลตฟอร์ม Readyplanet All-in-One Platform เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจไทยขนาดกลางถึงใหญ่ ที่มีสินค้าหรือบริการที่ชัดเจนแล้ว มีการดำเนินธุรกิจมาแล้วอย่างมั่นคงในระดับหนึ่ง (Established Businesses) และมีความต้องการที่จะขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีอย่างจริงจัง
กลยุทธ์นี้เองทำให้ได้รายได้ประจำใหม่ (NEW MRR-New Monthly Recurring Revenue) และรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้าใหม่สูงขึ้น (NEW ARPA-New Average Return Per Account) กลยุทธ์การทำการตลาด Readyplanet All-in-One Platform นี้ ทำให้แม้ในช่วงโควิดที่ยังไม่จางหาย READY ยังสามารถมีกำไรกลับมา Turnaround และยุคหลังโควิดมองว่าจะเติบโตยิ่งขึ้น
ด้านผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง มั่นคง รายได้ลักษณะ Recurring จากบริการที่เป็นรูปแบบเช่าใช้ 95% ผ่านการให้บริการเป็นรายเดือนหรือรายปี และต้องชำระค่าใช้บริการล่วงหน้า และมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมากในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ไม่เกิดการพึ่งพิงลูกค้ารายใดรายหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ
เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินในการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ประกอบไปด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่
- ใช้สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Readyplanet All-in-One Platform) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและคุณสมบัติในการทำงาน (Functions & Features) ให้สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่
- ใช้สำหรับขยายทีมขายและทีมการตลาดในการหาลูกค้าใหม่ (New Customer Acquisition) เพื่อขยายฐานลูกค้า และนำเสนอบริการเพิ่มจากฐานลูกค้าปัจจุบัน (Up-Selling & Cross-Selling)
- ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
โดย READY มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ
ทั้งหมดทั้งมวลเมื่อมองจากอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ตลอดจนธุรกิจที่แข็งแกร่งและจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ READY คือหุ้นน้องใหม่ที่ทำให้เราไม่สามารถพลาดได้
ผู้ที่สนใจ READY สามารถศึกษารายละเอียดของหนังสือชี้ชวนตราสารทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=474795&lang=th
อ้างอิง: