ย้อนกลับไปเมื่อ 21 ปีก่อน นับว่าเป็นยุคทองของ Pause วงดนตรีชื่อแปลกที่มีความหมายว่า ‘หยุด’ แต่สำหรับอนาคตบนเส้นทางดนตรีของพวกเขากำลังสดใส จากผลงาน 4 อัลบั้ม (รวมอัลบั้มพิเศษ) ที่มีเพลงอย่าง ที่ว่าง, ข้อความ, ความลับ, รักเธอทั้งหมดของหัวใจ, ยื้อ, กอดหมอน, อีกครั้ง ฯลฯ กลายเป็นเพลงฮิตที่นักฟังเพลงร้องตามได้ทุกคน แต่สิ่งที่เป็นมากไปกว่าเพลงฮิตสำหรับวงการเพลงไทย คือเสียงร้องยอดเยี่ยม เป็นเอกลักษณ์ของนักร้องนำผู้เป็นหัวใจสำคัญของวงอย่าง โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์
ไม่มีใครคาดคิดว่าอนาคตที่สดใสของวงดนตรีระดับปรากฏการณ์จากค่ายเบเกอรี่ มิวสิค จะต้องหยุดลงแต่เพียงเท่านั้น เมื่อมีคนพบร่างไร้วิญญาณของ โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ ภายในลิฟต์ของอาคารที่พักแห่งหนึ่งย่านพระโขนง จากหลักฐานโดยรอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนว่า นักร้องนำของวง Pause ตัดสินใจกดปุ่ม ‘หยุด’ ชีวิตด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การหยุดชั่วคราว แต่หมายถึงการกดปุ่ม ‘Stop’ ที่ตัวเขาจะไม่สามารถกลับมาร้องเพลงเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนๆ ได้อีกต่อไป
วงการดนตรีไทยได้มีโอกาสรู้จักชื่อของโจ้ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ จากการขึ้นไปโชว์พลังเสียงแหลมสูงทรงพลังหาตัวจับยากในเพลง อย่าหยุดยั้ง ของวง The Olarn Project และเพลง Carrie ของ Europe วงดนตรีแนวฮาร์ดร็อกจากสวีเดน ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลชนะเลิศจากงาน Coke Music Awards ในปี 2536 และจากจุดนั้นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ นอ-นรเทพ มาแสง (เบส), เอ-พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ (กีตาร์) และ บอส-นิรุจ เดชบุญ (กลอง) ก่อนที่ทั้งหมดจะรวมตัวกันกดปุ่ม Pause ให้วงการดนตรีคึกคักขึ้นมาอีกครั้งในปี 2539 กับอัลบั้ม (Push Me) Again ภายใต้สังกัดเบเกอรี่ มิวสิค
หลังจากนั้นเส้นทางของพวกเขาก็พุ่งสูงอย่างที่ทุกคนรู้จักกันดี ผ่านผลงานอีก 3 อัลบั้ม ภายในช่วงระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่อัลบั้มที่สอง Evo. & Nova (2541) และ Mild (2542) อัลบั้มที่สามที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากเพลง ดาว, ข้อความ, สัมพันธ์, ความลับ, เปล่า, บางสิ่ง, กอดหมอน, จะรักเธอคนเดียว ฯลฯ และอัลบั้มพิเศษรวมเพลงฮิต Rewind ในปี 2543
ถึงแม้ว่าหลายคนจะจดจำและประทับใจกับเสียงร้องหวานเศร้าในเพลงช้าๆ ซึ้งๆ อย่าง ที่ว่าง, รักเธอทั้งหมดของหัวใจ ฯลฯ แต่จริงๆ แล้ว DNA หลักอีกหนึ่งอย่างของโจ้และวง Pause คือเพลงร็อกที่พูดถึงปัญหาทางสังคมได้อย่างชาญฉลาดและคมคาย ทักษะทางดนตรีแน่นๆ และเสียงร้องแหลมทรงพลังของโจ้เป็นส่วนผสมที่ลงตัว
นอกจากเพลงร็อกหนักๆ และเพลงรักร่วมสมัยหวานหู โจ้ยังหลงใหลในความไพเราะของบทเพลงยุคก่อนหน้า ถึงขนาดเคยออกอัลบั้มเดี่ยว Simply Me ที่รวมเอาเพลงเก่าที่เขาชื่นชอบอย่าง น้ำตาแสงใต้, เดือนเพ็ญ, ใจบางบาง, รักเองช้ำเอง, ดึกแล้ว ฯลฯ มาขับร้องใหม่ในสไตล์ของเขา ที่เต็มไปด้วยความกินใจ ซาบซึ้ง และตราตรึง โดยเฉพาะเพลง เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป ของ สุชาติ ชวางกูร ที่เศร้าอยู่แล้ว ให้กลายเป็นฤดูหนาวที่เศร้าจับใจขึ้นไปอีก
แต่น่าเสียดายที่เมื่อสิ้นสุดอัลบั้มนี้ เราก็ไม่มีโอกาสได้ฟังผลงานใหม่ๆ จากเสียงร้องที่ไม่อาจมีใครมาแทนได้อีกต่อไป
ภาพ: เบเกอรี่ มิวสิค