วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการสอบสวนเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มี พล.ร.อ. ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธาน และมีคณะกรรมการ 2 ชุด ดูว่าเหตุการณ์ที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางด้วยสาเหตุใด และเมื่อจมแล้วได้ดำเนินการตามขั้นตอนการช่วยเหลือและการค้นหาอย่างไร
พล.ร.อ. เชิงชาย กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันผลการสอบสวนก้าวหน้าไปตามลำดับ สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกำลังพลที่รอดชีวิต หน่วยงานที่เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกำลังพล รวม 289 ปาก เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเรียบเรียงผลการสอบสวน
ทั้งนี้ สาเหตุหลักเพราะว่าเมื่อน้ำเข้าเรือแล้วไม่สามารถสูบน้ำออกได้ทัน จนกระทั่งเรือเสียอาการ ทำให้เรือเอียง และจมลงในที่สุด
“สาเหตุเหล่านี้ต้องมาประมวลหาสาเหตุที่แท้จริง มีการตั้งสมมติฐานหลายประเด็น แต่ผลการสอบข้อเท็จจริงจากกำลังพลที่รอดชีวิตประกอบวัตถุพยานที่ตัวเรือหลวงสุโขทัยว่าเป็นไปตามคำให้การ และพุ่งประเด็นไปที่จุดใด ซึ่งปัจจุบันเรือหลวงสุโขทัยยังอยู่ใต้ทะเล มาประกอบกับผลการสอบสวน” พล.ร.อ. เชิงชาย กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องพิจารณาทั้งเรื่องธรรมชาติและ Human Error ใช่หรือไม่ พล.ร.อ. เชิงชาย กล่าวว่า โดยสมมติฐานเรืออับปางมีการตั้งประเด็นหลายประเด็น เราจะมีการนำเสนอต่อประชาชนในทุกประเด็นที่สงสัยรวมทั้งการจมของเรือ ขณะที่เสื้อชูชีพจากการตรวจสอบอัตราของเรือหลวงรัตนโกสินทร์และเรือหลวงสุโขทัยมีอัตราที่เพียงพอกับกำลังพลทั้งที่อยู่ในเรือ 120-130 ตัว ซึ่งเรือสองลำนี้เป็นเรือชุดเดียวกันอัตราเท่ากัน
“เราได้ตรวจสอบอัตราเสื้อชูชีพจากกรมพลาธิการที่ได้จ่ายแจกให้เรือทั้งสองลำแล้วดูการเบิกเปลี่ยนของเสื้อชูชีพล่าสุดว่ามีจำนวนเท่าใด ก็ยืนยันว่ามีเสื้อชูชีพเพียงพอกับกำลังพล 105 คนประจำเรือ ส่วนทำไมบางคนมีหรือไม่มีนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งในส่วนกำลังพลของเรือและจากนาวิกโยธินและหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) มีหลักฐานชัดเจนที่สามารถชี้แจงได้และสอบถามจากพยานที่รอดชีวิตได้ทั้งเรื่องเรือจมและการที่บางคนไม่มีเสื้อชูชีพในขณะที่เรือใกล้จะจม” พล.ร.อ. เชิงชาย กล่าว