เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q65 ของ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TIDLOR ปรับเพิ่มขึ้น 2.61%MoM สู่ระดับ 29.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.40%MoM สู่ระดับ 1,680.49 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 4Q65:
InnovestX Research คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q65 จะเพิ่มขึ้น 8%YoY (รายได้เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อที่เติบโตดี และรายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่แข็งแกร่ง) แต่ลดลง 5%QoQ (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และ OPEX สูงขึ้น) สู่ 860 ล้านบาท โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ไว้ว่าจะเติบโต 16% (EPS เติบโต 8%)
ซึ่งคาดว่า Credit Cost จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจาก 2.85% ใน 3Q65 สู่ 3.1% ใน 4Q65 ส่งผลทำให้ Credit Cost ในปี 2565 จะอยู่ที่ 2.2% (เทียบกับเพียง 0.75% ในปี 2564) สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่ 2-2.2% และคาดว่า Credit Cost จะอยู่ที่ 3% ในปี 2566 ใกล้เคียงกับ 4Q65
โดยมีสาเหตุมาจาก NPL ที่ไหลเข้าเพิ่มขึ้น (หลักๆ เกิดจากสินเชื่อที่ออกจากโครงการช่วยเหลือลูกหนี้) และ LLR ส่วนเกินกำลังจะหมดลงหลังจากอัตราส่วน LLR ต่อสินเชื่อรวมลดลงสู่ 3.9% ณ 3Q65 จากระดับก่อนเกิดโควิดที่ 5.6% ณ สิ้นปี 2562 TIDLOR คาดว่า NPL จะทำจุดสูงสุดในช่วงกลางปี 2566 ด้วยอัตราส่วน NPL <2%
ด้าน NIM มีแนวโน้มหดตัวลง TIDLOR คาดว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นราว 20 bps ใน 4Q65 และ 40-50 bps ในปี 2566
ขณะที่การขยายสินเชื่อ TIDLOR กล่าวว่าบริษัทสามารถขยายสินเชื่อได้ตามเป้าที่วางไว้ในปี 2565 ที่ 25-30% เทียบกับ 28%YoY และ 24%YTD ณ 3Q65
ส่วนรายได้ค่านายหน้าประกันภัยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง TIDLOR ยังคงเป้าเพิ่มรายได้ค่านายหน้าประกันภัยเชิงรุก โดยตั้งเป้ายอดขายเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโต 30-35% (เทียบกับ เพิ่มขึ้น 37%YoY ใน 9M65)
อย่างไรก็ดี InnovestX Research ยังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 30% สำหรับปี 2565 (คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะชะลอตัวลงใน 4Q65) และ 25% สำหรับปี 2566 รวมทั้งคงประมาณการการเติบโตของรายได้ค่านายหน้าประกันภัยไว้ที่ 33% สำหรับปี 2565 และ 25% สำหรับปี 2566
อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เป็นไปตามเป้า TIDLOR คาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในปี 2565 จะอยู่ในระดับเดียวกับเป้าที่บริษัทวางไว้ก่อนหน้านี้ที่ Mid-to-High 50% สำหรับ 4Q65 บริษัทคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลง YoY แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล (หลักๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าใช้จ่ายด้าน IT ที่เลื่อนมาจาก 1H65)
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research คาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโต 16% โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 25%NIM ที่ลดลง 36 bps รายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่เพิ่มขึ้น 25% Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น 80 bps และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง
สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูง และแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเติบโตช้ากว่าคาด 2. ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และ 3. การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารพาณิชย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดสาเหตุที่ทำให้ ‘หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์’ สร้างความปั่นป่วนแก่ตลาดตราสารหนี้ในขณะนี้
- เปิดชื่อ ‘10 หุ้นฮอต’ ต่างชาติแห่ซื้อสุทธิมากสุดในรอบ 6 วันทำการ มูลค่ารวมกว่า 1.25 หมื่นล้านบาท
- 10 อันดับ หุ้นกลุ่มพลังงาน ขวัญใจนักลงทุน ราคาวิ่งแรงที่สุดรอบครึ่งปี 2565