ขณะที่วงการบันเทิงไทยกำลังเดินไปข้างหน้า พร้อมความคาดหวังมากมายในตัวศิลปินทั้งในเชิงคุณภาพและศีลธรรม ‘แฟนคลับ’ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของวงการนี้จึงต้องมาพร้อมกับคุณภาพและศีลธรรมไม่แพ้กัน
กระแส ความโด่งดัง หรือสปอตไลต์ที่ส่งถึงตัวศิลปิน ล้วนแปรผันตามจำนวนแฟนคลับและเงินที่พวกเขายินดีจ่าย ดังนั้นความคิดเห็นและพฤติกรรมของแฟนๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันค่านิยมและคุณภาพของวงการนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- จาก The Glory ถึง โอม ภวัต เพราะการบูลลี่ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น
- บิว จักรพันธ์ นักแสดง KINNPORSCHE THE SERIES ถูกแฉหลักฐานทำร้ายร่างกาย ขณะนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
- เหนือเมฆสะเทือน! แฟนคลับเท บัตรคอนเสิร์ตคินน์พอร์ชฯ หลังเกิดแฮชแท็ก #BoycottBOC
แม้จะมีความพยายามในการกำหนดค่านิยมและบรรทัดฐานบางอย่างท่ามกลางกลุ่มแฟนๆ ทั้งเรื่องมารยาท การปฏิบัติตัวในงานอีเวนต์ต่างๆ ไปจนถึงทัศนคติและการแสดงออกในโซเชียลมีเดีย แต่หลากหลายวีรกรรมที่เกิดขึ้นจากศิลปินไทย ทั้งประเด็นการล้อเลียนเหยียดเพศ การคุกคามทางเพศ การกลั่นแกล้งในโรงเรียน ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย ฯลฯ ก็ยังถูกปัดผ่านไปอย่างง่ายดาย เพราะมีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่ยืนยันจะติดตามและให้โอกาสคนทำผิด ไม่ว่าประเด็นที่เกิดขึ้นจะรุนแรงแค่ไหน ทำให้ศิลปินหลายคนไม่เคยได้รับผลจากการกระทำของตัวเองอย่างจริงจัง นอกเสียจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตในช่วงหนึ่งเท่านั้น
คำถามคือ…ในเมื่อการสนับสนุนใครสักคนเป็นสิทธิ์ที่พึงมี แต่ ‘แฟนคลับ’ จะใช้สิทธิ์นี้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพกับวงการมากที่สุด
กรณีที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดตอนนี้คงเป็นกรณีของ บิว-จักรพันธ์ พุทธา นักแสดงจาก KINNPORSCHE THE SERIES ที่เคยตกเป็นประเด็นจากการโพสต์ข้อความเชิงคุกคามทางเพศ กล่าวโทษการแต่งกายของผู้หญิงในคดีข่มขืน เหยียดเพศ ฯลฯ มาแล้ว และกลับมามีประเด็นร้อนอีกครั้งจากกรณีทำร้ายร่างกาย ปอย-พรรธน์ชญมน ธีวสุเจริญ นักเขียนนิยายต้นฉบับของซีรีส์ที่บิวนำแสดง
โดยปอยเปิดเผยผ่าน Twitter ส่วนตัวว่า ตนกับบิวเคยคบหากันมาก่อน และในระยะเวลานั้นเธอถูกบิวทำร้ายร่างกาย และคบซ้อนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง พร้อมกล่าวหาเพิ่มเติมว่าบิวเป็นคนนำพล็อตนิยายเรื่องใหม่ของเธอไปทำบทซีรีส์ 4MINIUES ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน โดยแนบหลักฐานเป็นบทสนทนาในแชตส่วนตัวระหว่างทั้งคู่ที่แสดงให้เห็นว่าบิวไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปแม้แต่น้อย ซึ่งหลักฐานและพยานทั้งหมดนี้ นักเขียนสาวได้รวบรวมและนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยหลักฐานที่แน่นหนาจากทางฝ่ายหญิง ทำให้แฟนคลับส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่สนับสนุนบิวต่อ และแบรนด์ต่างๆ ที่บิวเคยเป็นพรีเซนเตอร์ก็ทยอยถอดออกไปเรื่อยๆ แต่แน่นอนว่าก็ยังมีแฟนคลับส่วนเล็กๆ ที่ไม่ปักใจเชื่อ ทั้งยังกล่าวหาฝ่ายหญิงผ่านการทวีตข้อความ การเปิด Spaces (ฟีเจอร์พูดคุยผ่านเสียงใน Twitter) และการตัดต่อคลิปลงใน TikTok โดยกล่าวหาว่านักเขียนสร้างเรื่องทุกอย่างขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายบิว หรือบ้างก็บอกว่าเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย
จนเมื่อวันที่ 28 มกราคม บิวแถลงข่าวเพื่อประกาศลาออกจาก Be On Cloud อดีตต้นสังกัด พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยมีคำพูดทิ้งท้ายไว้ว่า
“ผมจะต่อสู้เพื่อคนที่ผมรักและคนที่ยังรักผม คนที่เชื่อมั่นในตัวผม รวมถึงครอบครัวและตัวผมเองด้วย ผมขอให้ทุกคนอดทน และผมก็จะอดทนและเข้มแข็งเพื่อรอผลคดีในชั้นศาล จากนี้ผมยังเชื่อว่าความจริงจะชนะในที่สุด และผมก็เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความยุติธรรมกับผม”
สิ่งที่บิวพูดออกมาไม่ใช่การสำนึกผิดต่อเหยื่อและสังคมแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นคำพูดที่เพิ่มความมั่นใจให้กับ ‘คนที่รักเขา’ อีกว่าตัวเองจะรอดพ้นจากเรื่องนี้ไปได้ ซึ่งทำให้เห็นว่าการมีอยู่ของแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ นั้นมีผลต่อความมั่นใจของเขาไม่น้อย
ในส่วนแฟนคลับของค่าย Be On Cloud และชาวเน็ตที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ ก็มีการเทรนด์แฮชแท็กที่ชื่อว่า #บิวทําร้ายร่างกายผู้หญิง และ #28นี้บิวอยู่bocจบ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการเทรนด์แฮชแท็ก #BoycottBOC เพิ่มเติม หลัง ปอนด์-กฤษดา วิทยาขจรเดช เจ้าของค่าย Be On Cloud ออกมาโพสต์คลิปให้กำลังใจบิวใน Instagram ส่วนตัว
ภายในแฮชแท็กมีทั้งการต่อว่าพฤติกรรมของปอนด์ที่เหมือนเป็นการเข้าข้างการกระทำของบิว และยังมีการรณรงค์ให้งดซื้อบัตรคอนเสิร์ต KINNPORSCHE THE SERIES WORLD TOUR 2023 และ KINNPORSCHE THE SERIES WORLD TOUR 2022 WTF ที่เปิดจำหน่ายในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม ส่งผลให้บัตรงานดังกล่าวเหลือในระบบอยู่หลายพันใบ จนปอนด์ต้องออกมาโพสต์ชี้แจงเจตนาและขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อดับไฟในประเด็นนี้
อย่างไรก็ตามล่าสุด (30 มกราคม เวลา 17.00 น.) บัตรคอนเสิร์ตทั้งสองงานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขายหมดในเร็ววัน แม้ว่าการออกมาพูดครั้งล่าสุดของปอนด์จะทำให้แฟนๆ บางส่วนใจอ่อนและเข้าไปกดซื้อบัตรเพื่อสนับสนุนศิลปินคนอื่นๆ ในค่ายเช่นเดิมก็ตาม
กรณีนี้ทำให้เราเห็นผลลัพธ์ของแรงสนับสนุนในหลายทาง ตั้งแต่การเลิกสนับสนุนบิว จนแบรนด์ต่างๆ ต้องถอดเขาออกจากการเป็นพรีเซนเตอร์ การยืนยันจะสนับสนุนต่อของคนบางกลุ่มที่เพิ่มความมั่นใจให้เขาในการสู้คดี ไปจนถึงการบอยคอตจนประธานค่ายอย่างปอนด์ต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแก้สถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าแรงสนับสนุนและความคิดเห็นของพวกเขาสามารถขับเคลื่อนการกระทำบางอย่างได้จริงๆ
แน่นอนว่าการกระทำต่างๆ ของแฟนคลับนั้นมีเหตุผลมากมายมารองรับ เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าการกระทำของใครถูกและผิดโดยสมบูรณ์ เพราะทุกคนต่างมีไม้บรรทัดในใจกันคนละอัน เราวัดความถูกผิดต่างกันไป ความยากง่ายในการเลิกรักหรือหวังดีกับใครสักคนหนึ่งจึงเป็นเรื่องปัจเจก แฟนคลับทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจที่จะเดินข้างคนทำผิดต่อไปและคาดหวังให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้นในสักวัน
ในฐานะแฟนคลับ เราไม่จำเป็นต้องซัพพอร์ตศิลปินในทุกการกระทำ ทุกความคิด หรือทุกผลงาน เราสามารถเลือกผลักดันเขาในเรื่องหรือเส้นทางที่มีคุณค่ามากพอ และตักเตือนเขาในเรื่องที่ผิดพลาด เพราะสุดท้ายแล้วแรงสนับสนุนและความคิดเห็นของแฟนคลับอย่างเรามีผลต่อความคิดและการกระทำของศิลปินเสมอ
สุดท้ายนี้แม้ว่าไม้บรรทัดของเราจะเป็นคนละเล่มกัน แต่อยากให้ทุกคนลองใช้มันวัดความถูกผิด และตอบคำถามตัวเองในใจว่า เราอยากสนับสนุนวงการบันเทิงไทยให้เดินหน้าไปในทางไหน หรืออยากให้คนแบบไหนเติบโตมาอยู่ท่ามกลางความรักของคุณกันแน่