วันนี้ (9 มกราคม) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 20.35 น. ภายหลังที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัว หลังจบงานพรรครวมไทยสร้างชาติ
ชูวิทย์กล่าวว่า ได้สอบถาม พล.อ. ประยุทธ์อย่างตรงไปตรงมาเรื่องความเกี่ยวข้องของบริษัททัวร์ ที่มีข้อมูลว่า ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ประกอบกิจการ และภายหลังมีข้อมูลว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลานชายของ พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งในเรื่องนี้ พล.อ. ประยุทธ์รับปากอย่างชายชาติทหารว่าจะจัดการและจะตรวจสอบ แต่ขอให้เข้าใจว่าทั้งหมดต้องจัดการแบบมีขั้นตอน
ซึ่งการที่ท่านพูดแบบนี้แสดงว่าท่านเองมีความเอาใจใส่ ตนในฐานะที่เด็กกว่า วันนี้ได้มีโอกาสชี้แจงและเห็นว่าท่านแสดงความพร้อมก็เชื่อว่าท่านเป็นคนที่ใจถึง รับฟัง มีความเป็นผู้ใหญ่
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ได้พูดกับตนว่า “ชูวิทย์ขอเวลา เรื่องนี้จัดการทันทีไม่ได้”
ชูวิทย์กล่าวต่อว่าวันนี้จากการพูดคุยรู้สึกถึงความเป็นลูกผู้ชายเกินร้อยของ พล.อ. ประยุทธ์ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องการขุดคุ้ยทุนจีนสีเทาตนจะไม่หยุดเรียกร้อง แต่เรื่องที่ตั้งคำถามถึงหลาน พล.อ. ประยุทธ์ จะหยุดรอเวลาให้มีการจัดการตามขั้นตอน
ส่วนประเด็นการโยกย้าย พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะย้ายทันทีไม่ได้ แต่จะต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งในเรื่องนี้ต้องให้ทางจเรตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนไปก่อน เพื่อไม่ให้ข้าราชการคนอื่นรู้สึกถึงความไม่มีบรรทัดฐาน
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ได้ขอให้ตนหยุดการพูดให้ร้าย ซึ่งอาจจะกระทบกับคนอื่น เพราะขณะนี้ตัวท่านเองทราบเรื่องแล้ว และจะนำไปตรวจสอบให้อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ชูวิทย์กล่าวว่า พอใจกับการพูดคุยครั้งนี้ และเชื่อว่าจะเห็นการจัดการที่เป็นรูปธรรม
โดยก่อนหน้าการเข้าพบครั้งนี้ ชูวิทย์ได้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ และส่งคำถามถึง พล.อ. ประยุทธ์ ที่ด้านหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลาเดียวกับที่พรรครวมไทยสร้างชาติจัดกิจกรรมด้านใน โดยมี 2 คำถามคือ พล.อ. ประยุทธ์ทราบหรือไม่ว่าหลานชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริษัททัวร์ของชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว และถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะดำเนินการตรวจสอบอย่างไร