เมื่อวานนี้ (23 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาต่อเกาหลีเหนือ เพื่อบังคับให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจาและยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
“ในวันนี้ ผมขอประกาศว่า เราจะออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งจะเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ว่ากันตามตรงผมหวังว่าจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้น” ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า หากการคว่ำบาตรขั้นแรกนี้ไม่สำเร็จ จะมีการคว่ำบาตรครั้งที่ 2 ตามมา ซึ่งเขาย้ำว่าจะ “โชคร้ายมากๆ ต่อโลกใบนี้”
เป้าหมายของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ก็เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงและเชื้อเพลิง ซึ่งเกาหลีเหนือใช้ในโครงการนิวเคลียร์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงในเว็บไซต์ว่า มาตรการคว่ำบาตรในครั้งนี้จะพุ่งเป้าไปยังบริษัท 27 แห่งที่ตั้งอยู่ในเกาหลีเหนือ, ฮ่องกง, จีน, ไต้หวัน, ปานามา และสิงคโปร์ รวมทั้งเรือสินค้า 28 ลำ ซึ่งส่วนใหญ่กระจายอยู่ที่เกาหลีเหนือ
การประกาศคว่ำบาตรของโดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นพร้อมกันกับที่ อิวองกา ทรัมป์ ลูกสาวเยือนเกาหลีใต้ เนื่องในโอกาสการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเธอได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ มุนแจอิน เพื่อแจ้งข่าวการประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของพ่อเธออีกด้วย
ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือโดยสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่ปี 2008 และการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พุ่งเป้าไปที่การขนส่งทางเรือของเกาหลีเหนือ และบริษัทเทรดดิ้งจากจีน ด้านสหประชาชาติก็เคยคว่ำบาตรครั้งล่าสุดในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งเน้นไปที่เส้นทางการนำเข้าและส่งออกสินค้าจำพวกพลังงานเชื้อเพลิงราว 89% ที่จะใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเดินหน้าทดสอบและพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพโสมแดง
อ้างอิง:
