เกิดอะไรขึ้น:
KTC ปรับเป้าอัตราการเติบโตของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปี 2565 ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 15% สู่ 20% เพื่อสะท้อนอัตราการเติบโตที่สูงกว่าคาดที่ 23%YoY ใน 9M65 เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นไปยังกลุ่มผู้มีรายได้สูงขึ้น สำหรับปี 2566 KTC ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 10% InnovestX Research คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโต 12% ในปี 2565 (ได้รับผลกระทบจากการลดค่าธรรมเนียมติดตามหนี้) และ 9% ในปี 2566
การเติบโตของสินเชื่อในปี 2566 KTC ตั้งเป้าไว้ที่ 15% เร่งตัวขึ้นจาก >9% (ยอดสินเชื่อคงค้าง >1 แสนล้านบาท) ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโต 7% ในปี 2566 เท่ากับเป้าหมายในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ของสินเชื่อ ‘พี่เบิ้ม’ (สินเชื่อทะเบียนรถ สินเชื่อพิโก และนาโนไฟแนนซ์) ที่ 9 พันล้านบาท ในปี 2566 เทียบกับเป้าหมายที่ 1 พันล้านบาท (804 ล้านบาทใน 9M65) ในปี 2565
นอกจากนี้ KTC ยังวางแผนขยายสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ (หลักๆ เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก) อีก 3 พันล้านบาทในปี 2566
ด้านคุณภาพสินทรัพย์อยู่ภายใต้การควบคุม KTC ตั้งเป้าลดอัตราส่วน NPL ลงอีกในปี 2566 หลังจากลดอัตราส่วน NPL ใน 9M65 ลงสู่ 3.4% ณ 3Q65 เทียบกับ 3.6% ณ สิ้นปี 2564
อย่างไรก็ดี InnovestX Research ยังคงประมาณการ Credit Cost ไว้ตามหลักอนุรักษ์นิยมที่ 5% (-101 bps) เทียบกับ 4.65% ใน 9M65 เนื่องจากคาดว่า Credit Cost จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลใน 4Q65 และคาดว่า Credit Cost จะอยู่ในระดับทรงตัวที่ 5% ในปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากการขยายธุรกิจสู่สินเชื่อมีหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียนและสินเชื่อเช่าซื้อ) ซึ่งมี Credit Cost ต่ำกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KTC ไม่เปลี่ยนแปลง MoM ทรงตัวที่ระดับ 58.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.63%MoM อยู่ที่ระดับ 1,607.15 จุด
แนวโน้มผลประกอบการและกลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research คาดว่า NIM จะลดลงใน 4Q65 และปี 2566 โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเงินกู้ยืม ~70% ของบริษัทเป็นหุ้นกู้ระยะยาว KTC จะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ที่มีอายุสั้นลงเพื่อบริหารต้นทุนทางการเงิน
สำหรับ 4Q65 คาดว่ากำไรของ KTC จะเพิ่มขึ้น 46%YoY และ 2%QoQ สู่ 1.82 พันล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเทียบ YoY กำไร 4Q65 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 46% ได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองลดลงเนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อยู่ภายใต้การควบคุม
ขณะที่เมื่อเทียบ QoQ กำไร 4Q65 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2% สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าสินเชื่อและรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลจะถูกลดทอนโดย OPEX และการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรจะเติบโตในอัตราชะลอตัวลงสู่ 7% ในปี 2566 จาก 23% ในปี 2565 โดยเกิดจากการเติบโตของสินเชื่อที่ 15% NIM ที่ลดลง และ Credit Cost ในระดับทรงตัว
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน KTC มี Valuation ที่แพง ทำให้คงเรตติ้งไว้ที่ Underperform และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 52 บาทต่อหุ้น
ประเด็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและสถานการณ์น้ำท่วม
- ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
- ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบจากการที่ ธปท. ตั้งเป้าให้สถาบันการเงินชะลอการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันในต้นปีหน้าเพื่อสกัดหนี้ครัวเรือน
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567