สถานีโทรทัศน์ CNN เปิดเผยว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ออกมาส่งสัญญาณแสดงท่าทีที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า Fed น่าจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเดือนธันวาคมนี้
พาวเวลล์ส่งสัญญาณดังกล่าวในระหว่างที่ขึ้นเวทีกล่าวคำปราศรัยที่ศูนย์ The Hutchins Center on Fiscal and Monetary Policy เมื่อวันพุธที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนับเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มการประชุมประจำเดือนระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคมที่จะถึงนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความมั่งคั่งจากหุ้นของชาวอเมริกันหายไปกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ จากที่เคยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวหลังวิกฤตโควิด
- Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด 0.75% พร้อมส่งสัญญาณขึ้นต่อลากยาวถึงปีหน้า
- นักวิเคราะห์ชี้พิษนโยบาย Fed เป็นเหตุทำตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน
ทั้งนี้ พาวเวลล์กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่เพียงพอกับการทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง โดยการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วในการประชุมเดือนธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์ยังคงย้ำว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้ออาจไม่สิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้แน่นอน พร้อมยอมรับว่าจนถึงขณะนี้ Fed ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้สูงแค่ไหน และต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอีกนานเท่าใด ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของ Fed ที่ยืนกรานก่อนหน้านี้มาโดยตลอดว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ที่ 2%
พาวเวลล์กล่าวอีกว่า แม้จะมีพัฒนาการที่มีแนวโน้มไปในทางบวกอยู่บ้าง แต่หนทางอีกยาวไกล ก่อนยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่เห็นความคืบหน้าที่ชัดเจน ‘เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูง’ แต่อย่างใด แม้ Fed ได้ใช้นโยบายรัดเข็มขัดเพื่อชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงปีที่ผ่านมาแล้วก็ตาม และชี้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 4.6% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
ความกังวลดังกล่าวของพาวเวลล์สอดคล้องกับ เจมส์ บูลลาร์ด ประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์ และ จอห์น วิลเลียมส์ ประธาน Fed สาขานิวยอร์ก ที่ออกมาระบุก่อนหน้านี้ในช่วงต้นสัปดาห์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยกังวลสำคัญที่ทำให้ยังคงต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด บวกกับท่าทีของพาวเวลล์ ทำให้บรรดานักวิเคราะห์หลายสำนักเชื่อว่าการประชุมครั้งสุดท้ายในปี 2022 นี้ Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.5% ซึ่งจะทำให้ระดับดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ขึ้นไปอยู่ที่ 4.25-4.5% จากระดับเกือบ 0% เมื่อเดือนมีนาคม พร้อมกับคาดการณ์ว่า Fed อาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันพาวเวลล์ยังใช้โอกาสนี้ชี้ให้เห็นความแข็งแกร่งในตลาดจ้างงานในไตรมาสที่ 3 ซึ่งพาวเวลล์เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังสามารถ Soft Landing ได้
พาณิชย์เผยประมาณการ GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 3 ขยายตัว 2.9%
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 2.9% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.6% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
รายงานระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการลดลงของตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของสหรัฐฯ ยังคงมีปัจจัยน่าเป็นห่วง หลังตัวเลขการลงทุนในสินค้าคงคลังของภาคเอกชนต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ และการนำเข้าก็ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน
กระนั้นการเปิดเผยตัวเลข GDP ดังกล่าว ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
Oren Klachkin นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า การนำเข้าที่ลดลงน่าจะเป็นข่าวดี เพราะหมายถึงการที่สหรัฐฯ กำลังลดการขาดดุลการค้า ทำให้การค้าสุทธิของสหรัฐฯ เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะที่ภาพรวมเบื้องต้นของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ยังมีผลกำไรที่ค่อนข้างดี ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
ทั้งนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่าสิ่งนี้จะเป็นแนวโน้มเชิงบวกในระยะสั้น พร้อมคาดว่าการเติบโตของสหรัฐฯ จะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวเพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวเพราะต้องการดึงให้อัตราเงินเฟ้อลดลง
อ้างอิง:
