IMF ออกโรงเตือนให้จีนยุตินโยบาย Zero-COVID โดยเร็ว เนื่องจากเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย หลังกระทบมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงและกระทบในวงกว้าง แนะแก้ปัญหาให้ตรงจุด ด้านรัฐบาลท้องถิ่นของเมืองเจิ้งโจว สถานที่ตั้งของโรงงานผลิต iPhone ถอยแล้ว ล่าสุดยอมคลายล็อกดาวน์ หวังลดความรุนแรงกระแสต่อต้าน
คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเตือนกึ่งแนะนำให้รัฐบาลจีนยุติการบังคับใช้มาตการ Zero-COVID เพื่อหวังสกัดกั้นการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด โดยผู้อำนวยการ IMF ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่จีนจะต้องออกห่างจากการล็อกดาวน์ครั้งใหญ่ และมุ่งสู่แนวทางที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อรับมือกับโควิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- มาตรการคุมโควิดของจีนจ่อฉุดดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ ตั้งแต่น้ำมัน เหล็ก ถึงถ่านหิน ซึ่งมักพุ่งสูงในช่วงฤดูหนาว
- จริงหรือที่ ‘อินเดีย’ กำลังจะเป็นโรงงานของโลกแห่งใหม่ต่อจากจีน? ถึงขั้นที่การผลิต 1 ใน 4 ของ ‘iPhone’ จะย้ายมาที่นี่ภายในปี 2025
- สีจิ้นผิง ขึ้นเวที G20 เรียกร้องประชาคมโลกจับมือฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่จีนต้องเผชิญกับการลุกฮือประท้วงต่อต้านตามท้องถนนของประชาชนในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมถึงในกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการใช้มาตรการ Zero-COVID ของทางการจีน ซึ่งรวมถึงการแนะให้จีนเร่งกระจายการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะประชากรในกลุ่มเปราะบาง
ผู้อำนวยการ IMF ชี้ว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำในผู้สูงอายุเป็นสาเหตุหลักที่จีนต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ในขณะที่การเกิดขึ้นของสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้เพิ่มความเครียดให้กับความพยายามในการป้องกันการแพร่กระจาย
จอร์เจียวากล่าวว่า มาตรการดังกล่าวที่สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับประชาชนจะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากภาวะเศรษกิจโลกถดถอย วิกฤตอัตราเงินเฟ้อสูง วิกฤตพลังงาน และปัญหาขาดแคลนอาหาร เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้เกิดปัญหาดิสรัปชันในระบบซัพพลายเชน
นอกจากนี้การล็อกดาวน์ยังทำให้ทุกอย่างชะลอตัว ตั้งแต่การเดินทาง การเข้าชมร้านค้าปลีก ไปจนถึงการขายรถยนต์ในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก พร้อมเรียกร้องให้ปรับแนวทางโดยรวมเกี่ยวกับวิธีที่จีนประเมินการทำงานของห่วงโซ่อุปทานที่ส่งผลกระทบต่อส่วนที่เหลือของโลก
ผู้อำนวยการ IMF ย้ำว่า การดำเนินการจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดไม่ควรที่จะต้องมีผลกระทบต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และถึงเวลาแล้วที่จีนต้องกำหนดเป้าหมายในการจำกัดการใช้มาตรการ Zero-COVID โดย IMF หวังว่าจีนจะปรับเปลี่ยนการใช้แนวทาง Zero-COVID ใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อทั้งผู้คนและเศรษฐกิจ
จีนคลายล็อกดาวน์เจิ้งโจว หวังลดกระแสต้าน Zero-COVID
Bloomberg รายงานว่า ทางรัฐบาลท้องถิ่นของเมืองเจิ้งโจว สถานที่ตั้งของโรงงานผลิต iPhone ในมณฑลเหอหนาน ทางภาคกลางของประเทศ ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ 5 เขต หลังจากที่เพิ่งประกาศบังคับใช้ไปเมื่อ 5 วันก่อน โดยเป็นไปตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลกลางจีนที่ให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นปรับใช้นโยบาย Zero-COVID ในแบบที่มุ่งเป้าเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้มาตรการการสกัดกั้นการระบาดของไวรัสโควิดมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่วางไว้มากขึ้น
รายงานระบุว่า หลังจากการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ทางการเจิ้งโจวได้จัดทำลิสต์รายชื่ออาคารยาวเหยียดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นแหล่งแพร่เชื้อทั่วภูมิภาคเจิ้งโจว ซึ่งชื่ออาคารเหล่านี้จะยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดต่อไป
หลายฝ่ายมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นเพื่อลดทอนกระแสต่อต้านด้วยความไม่พอใจของประชาชน ที่ทำให้เกิดการลุกฮือประท้วงตามท้องถนนจนถึงขนาดมีการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงลงจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ทางการเจิ้งโจวจะยกเลิกการควบคุมการเคลื่อนที่ คำสละสลวยที่นำมาใช้สำหรับการล็อกดาวน์ และแทนที่ด้วย ‘การต่อสู้กับโควิดตามปกติ’ ซึ่งอนุญาตให้ธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ และผู้ที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยงสูงจะไม่ถูกบังคับให้ตรวจโควิดตราบเท่าที่คนเหล่านี้ไม่ได้เดินทางออกจากบ้านไปยังพื้นที่เสี่ยง
อ้างอิง: