Loretta Mester ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขาคลีฟแลนด์ ออกมาส่งสัญญาณว่าการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนล่าสุดยังคงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น โดยตัวเธอเองจะพร้อมพิจารณายุติการขึ้นดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อเงินเฟ้อมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่านี้
“เรายังมีงานที่ต้องทำอีกมากเพื่อที่จะเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างยั่งยืนสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนล่าสุดถือเป็นข่าวดี แต่เราต้องการข่าวดีมากกว่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าเงินเฟ้อจะมีพัฒนาการไปในทิศทางที่เราต้องการ” Mester กล่าว
เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แผ่วความร้อนแรงลงเหลือ 7.7% จากระดับ 8.2% ในเดือนกันยายน ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะชะลอความแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ลงจาก 0.75% มาอยู่ที่ 0.50%
Mester ระบุว่า สหรัฐฯ ยังจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่เธอเห็นด้วยกับการชะลอความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันเริ่มเอื้อต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed หลายคนได้ออกมาให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกับ Mester โดยระบุว่าความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยควรชะลอลง แต่การขึ้นดอกเบี้ยจะยังเดินหน้าต่อจนกว่าจะมีสัญญาณเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ชัดเจนกว่านี้
ขณะที่ Mary Daly ประธาน Fed สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นโดยสภาธุรกิจเขตออเรนจ์ เคาน์ตี ในรัฐแคลิฟอร์เนียว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่า Fed จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้าอีก 0.75% หรือไม่ อย่างไรก็ดี เธอยังคงคาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับประมาณ 5% หรืออาจจะอยู่ในกรอบ 4.75-5.25%
การปรับขึ้นดอกเบี้ยโดยมุ่งเป้าไปที่การจัดการเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องของ Fed นำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ซึ่งมองว่า Fed กำลังสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น
อ้างอิง: