วันนี้ (10 พฤศจิกายน) ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าการติดตามอาวุธปืนของราชการตำรวจ ทั้งปืนสั้นและปืนยาว รวมจำนวน 64 กระบอก ที่ทางตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ยึดมาได้จากผู้ที่รับซื้อปืนมาจาก ด.ต. เชาวลิต พุ่มขจร อดีตตำรวจสถานีตำรวจภูธร (สภ.) ปากเกร็ด ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบการเบิกจ่ายอาวุธปืนของ สภ.ปากเกร็ด แต่มีพฤติการณ์ทำเอกสารเท็จเบิกปืนออกไปขายต่อให้กับบุคคลอื่น
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวว่า การยึดของกลางดังกล่าว ตำรวจได้เข้าตรวจค้นทั้งบ้านและอาคารที่พักจำนวน 34 จุด ใน 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร ซึ่งพบว่าผู้ต้องหาได้นำปืนไปจำนำกับบุคคลอื่น และเมื่อไม่มีเงินไปไถ่ถอนคืน จะนำปืนกระบอกใหม่ไปจำนำต่อกับรายอื่น และบางส่วนนำไปขายตลาดมืด
สำหรับปืนที่ผู้ต้องหานำไปขายนั้นถูกกระจายใช้ทั่วประเทศ รวมถึงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ที่นำไปใช้ต่อนำสีดำพ่นทับอำพรางตราสัญลักษณ์ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ อาวุธปืนที่ถูกลักลอบออกไป ประกอบด้วยอาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. จำนวน 93 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 42 กระบอก อาวุธปืนยาว 25 กระบอก รวมทั้งหมด 160 กระบอก
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวต่ออีกว่า คดีดังกล่าวตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องขณะนี้ 13 คน โดยจับแล้ว 4 คน ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหารับของโจร มีรายงานว่าทั้ง 4 คนนี้ไม่มีอาชีพหลักแหล่ง มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการพนัน ทำให้เห็นได้ว่าปืนเหล่านี้ตกไปอยู่กับกลุ่มบุคคลที่ไม่ดี
ส่วนหลังจากนี้จะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ยืนยันว่าจะจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนปืนบางส่วนพบว่าถูกส่งขายต่อไปยังต่างประเทศแล้ว เจ้าหน้าที่จะพยายามติดต่อประสานเพื่อนำกลับคืนมาให้ได้
