ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) เดินทางมารายงานตัวต่อศาล หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีที่อ้างว่า กลุ่ม กปปส. ได้ขัดขวางการจัดการเลือกตั้งของ กกต. เมื่อปี 2557 ทำให้ กกต. ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้
นายสุเทพระบุว่า ทาง กกต. ได้กล่าวโทษว่ากลุ่มของตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้การจัดการเลือกตั้งของ กกต. ไม่สำเร็จ โดยอ้างว่ามาจากกระทำของกลุ่ม กปปส. และตน ซึ่งถือเป็นการละเมิด โดยได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มตนทั้งหมด 38 คน เป็นเงินทั้งสิ้น 3,100 ล้านบาท วันนี้ศาลจึงนัดทั้งโจทก์และจำเลยเพื่อที่จะทำการสอบถามถึงพยานหลักฐานต่างๆ
ทั้งนี้เบื้องต้นการดำเนินการคดีนั้นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากในปัจจุบันมีจำเลย 1 ราย เป็นชาวจังหวัดพัทลุง ได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยทนายได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลได้พิจารณาจำหน่ายคดีบุคคลดังกล่าว แต่อัยการไม่ยินยอม ให้เหตุผลว่าจะให้ภรรยาและลูกของผู้เสียชีวิตเข้ามาทำการรับผิดชอบแทน โดยจะทำการยื่นฟ้องและออกหมายเรียกภรรยาและลูกของบุคคลดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหา
ขณะที่ในวันนี้อัยการได้ยื่นฟ้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเพิ่มเติมเป็นจำเลยรายที่ 39 จึงเป็นเหตุผลที่ต้องทำให้คดีต้องต้องเลื่อนออกไป โดยอาจมีการพิจารณากันอีกครั้งในวันที่ 21 พฤษภาคม 2561
ทั้งนี้ นายสุเทพยืนยันว่า ส่วนตัวต้องการต่อสู้คดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ไม่มีการยืดเยื้อเกิดขึ้น
สำหรับแนวทางการต่อสู้คดีนั้น นายสุเทพเปิดเผยว่า พร้อมที่จะต่อสู้กันในชั้นศาล ยืนยันว่าตัวเอง กลุ่ม กปปส. และประชาชนทั้งหมดมีเจตนาที่จะคัดค้านการเลือกตั้ง โดยที่ไม่ได้ทำการขัดขวางการเลือกตั้งตามที่โจทก์กล่าวอ้าง รวมถึงมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่ากรณีดังกล่าวนั้นไม่ใช่ความผิดของกลุ่ม กปปส. และประชาชน พร้อมให้เหตุผลว่าการที่ กกต. จัดการเลือกตั้งไม่สำเร็จเป็นเรื่องของรัฐบาลในขณะนั้น และ กกต. ที่จะต้องรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในด้านสถานการณ์ การเมืองในขณะนี้ โดยระบุว่ายังไม่ถึงเวลา ซึ่งตนขอให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสู้คดีความที่ตนมีทั้งหมดก่อน แต่ยืนยันว่าจะมาร่วมรับผิดชอบบ้านเมืองกับประชาชนโดยไม่ได้ทิ้งไปไหน