สำหรับบางคนการออกวิ่งอาจเป็นการทำเพื่อตัวเองให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปลดเปลื้องจิตใจจากความเหนื่อยยากในการใช้ชีวิตที่กัดกินหัวใจในแต่ละวัน
สำหรับ เควิน ซินฟิลด์ อดีตฮีโร่นักรักบี้ การออกวิ่งของเขาเป็นการทำเพื่อเพื่อนอย่าง ร็อบ เบอร์โรว์ คู่หูที่เคยเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในทีมลีดส์ ไรโนส์ และในทีมชาติอังกฤษ เพราะเพื่อนคนนี้ไม่มีโอกาสที่จะได้วิ่งอีกแล้ว หลังจากที่ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรค Motor Neuron Disease (MND) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
เบอร์โรว์ ซึ่งเคยเป็นนักกีฬาอาชีพที่มีร่างกายที่แข็งแรง ต้องกลายสภาพมาเป็นคนที่ไม่สามารถทำอะไรได้หลังการป่วยเมื่อเดือนธันวาคม 2019 และทำให้ซินฟิลด์คิดว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการช่วยเหลือเพื่อนคนนี้
นั่นเป็นที่มาของการออกวิ่งที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2020 ด้วยการวิ่งมาราธอนติดต่อกัน 7 วัน ที่ไม่เพียงแต่จะสร้างรอยยิ้มให้แก่เบอร์โรว์ที่ทั้งขอบคุณและดีใจจนไม่รู้จะหาคำไหนมาเอ่ย ยังเป็นการจุดประกายให้เกิดการรับรู้เรื่องของโรค MND และเหล่าผู้คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ ที่ต้องการความช่วยเหลือและกำลังใจอย่างยิ่ง
แต่ซินฟิลด์ไม่ได้หยุดวิ่งแค่ครั้งเดียวในปีนั้น เขาทำในสิ่งที่หลายคนไม่อยากเชื่อด้วยการวิ่งระยะทาง 101 ไมล์ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง จากสนามเวลฟอร์ด โรด รังของทีมเลสเตอร์ ไทเกอร์ส ทีมรักบี้ที่ปัจจุบันเขาเป็นโค้ชเกมรับให้มาสู่เฮดดิงลีย์ สเตเดียม สนามเหย้าของทีมลีดส์ ไรโนส์ ซึ่งการวิ่งครั้งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ชาวอังกฤษมากที่สุดในปี 2021 ซึ่งการวิ่งทั้งสองครั้งสามารถระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้มากกว่า 5 ล้านปอนด์
ทว่าความท้าทายนั้นยากขึ้นไปอีก เมื่อปีนี้ซินฟิลด์กลับมาอีกครั้งพร้อมกับโจทย์ใหม่ ด้วยการขอวิ่งอัลตรามาราธอนติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน โดยตั้งใจจะวิ่งทำระยะทางให้ได้มากกว่า 60 กิโลเมตรต่อวัน โดยมีเป้าหมายที่จะรับบริจาคให้ได้ 777,777 ปอนด์ ซึ่งที่มาของเลข 7 นี้ก็ไม่ได้มาจากไหน มาจากหมายเลขเสื้อของเบอร์โรว์เพื่อนรักนี่เอง
อดีตนักรักบี้วัย 42 ปีจะเริ่มออกวิ่งในวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่สนามรักบี้มาร์รีย์ฟิล สเตเดียม ก่อนที่จะวิ่งลงทางใต้ผ่านเมลโรส, นิวคาสเซิล, มิดเดิลสโบรช์, ยอร์ค และลีดส์ ก่อนที่จะมาจบที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดให้ได้ในช่วงพักครึ่งเวลาของเกมรักบี้ ลีกชิงแชมป์โลกนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 19 พฤศจิกายน
ซินฟิลด์รู้ตัวดีว่านี่คือความท้าทายสุดหฤโหดที่อาจป่นกระดูกและกล้ามเนื้อขาของเขาได้ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เบอร์โรว์และผู้ป่วยโรค MND ต้องเผชิญ
“นี่เป็นการยกระดับความท้าทายไปอีกขั้น แต่มันยังเทียบไม่ได้กับความท้าทายที่ผู้ป่วยโรค MND ต้องเผชิญในทุกวัน และนั่นคือเหตุผลที่ผมทำสิ่งนี้” ซินฟิลด์ ซึ่งร่วมกับ ดอดดี เวียร์ (อดีตนักรักบี้ชาวสกอตแลนด์), สตีเฟน ดาร์บี้ (อดีตนักฟุตบอลอาชีพที่เคยเป็นกัปตันทีมเยาวชนลิเวอร์พูล) ในการคิดหาทางระดมเงินการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคร้ายนี้
“มันจะเป็นความท้าทายที่หนักหนาที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ขณะที่พวกเรายังผสมองค์ประกอบต่างๆ จากการวิ่งทั้ง 2 ครั้งเพื่อการสร้างอีเวนต์วิ่งอัลตรา 7 ครั้งใน 7 วัน แต่คนที่ป่วยเป็นโรค MND ไม่มีทางเลือกอะไรในชีวิต และต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพนี้ทุกวัน พวกเขาคือแรงบันดาลใจสำหรับพวกเราทุกคน ที่จะขอต่อสู้กับความท้าทายครั้งนี้”
สิ่งสำคัญที่ซินฟิลด์พยายามบอกคือ ตอนนี้เริ่มมีข่าวดีกับเรื่องของการคิดค้นยารักษา ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดสอบในขณะนี้ โดยเขาเชื่อว่าโรค MND ไม่ได้เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา แต่แค่ยังขาดเงินทุนสนับสนุน ซึ่งถ้าสามารถระดมทุนได้มากพอ ก็จะทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยค้นคว้าเพื่อหาทางรักษาโรคนี้
เหนืออื่นใดคือกิจกรรมเล็กๆ นี้จะเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่โชคร้ายต้องประสบกับโรคนี้ เพื่อให้พวกเขาได้มีความหวัง และให้ทุกคนได้รับรู้ว่ายังมีความรักที่โอบกอดอยู่รอบกายเสมอ
อ้างอิง:
