วันนี้ (21 กันยายน) ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้องสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี คดีฮั้วประมูลก่อสร้างโรงพัก ว่าเหตุใดคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นต้นเหตุในการฟ้องเอง ถึงถูกยกฟ้องในชั้นสำนวน มันถูกต้องและทำได้เต็มที่แล้วหรือไม่ เนื่องจากข้อเท็จจริงดังกล่าว ป.ป.ช. ได้ตั้งกรรมการไต่สวน คือ วิชา มหาคุณ อดีตประธานอนุกรรมการไต่สวน ได้ตั้งประเด็นตั้งสินบนไว้ด้วย ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ซึ่งเป็นประธาน ป.ป.ช. คนปัจจุบัน ทำให้รูปแบบการสอบสวนเปลี่ยนไป และท้ายที่สุดผลการพิจารณาออกมาคือพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด
ธีรัจชัยยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณากรณีนาฬิกาหรู พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า กมธ.ป.ป.ช. ได้ออกหนังสือเชิญ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ มาชี้แจง แต่ยังไม่ได้ตอบรับอย่างเป็นทางการว่าจะมาหรือไม่
นอกจากนั้นในวันพรุ่งนี้ (22 กันยายน) กมธ.ป.ป.ช. ได้ออกจดหมายเชิญ พล.ต.อ. สถาพร หลาวทอง และ ปรีชา เลิศกมลมาศ อดีต ป.ป.ช. มาให้ข้อเท็จจริงกับ กมธ.ป.ป.ช. แต่ยังไม่มีการตอบรับว่าจะมาหรือไม่ เนื่องจาก กมธ.ป.ป.ช. ยังมีข้อสงสัยว่านาฬิกาดังกล่าวเป็นของปัฐวาทจริงหรือไม่ เพราะจากตรวจสอบไม่พบในบัญชีมรดก โดยยืนยันว่า กมธ.ป.ป.ช. จะเดินหน้าพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป
นอกจากนั้น ธีรัจชัยยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบลับ 1,321 ล้านบาทของกระทรวงกลาโหมว่า ขึ้นอยู่กับว่าจะเอางบประมาณดังกล่าวไปใช้ในส่วนใด แต่หากนำไปใช้สำหรับกำลังพล เช่นกรณีของ ส.ต.ท.หญิง ที่มีชื่อไปอยู่ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แต่ไม่ได้ไปจริง ก็ควรใช้งบไปใช้ส่วนอื่นดีกว่า เพราะจะกลายเป็นเขียนเช็คเปล่าให้ ครม. สั่งจ่าย ต้องมีวัตถุประสงค์ และโปร่งใส ตรวจสอบได้ บางเรื่องก็ไม่เหมาะสม