วันนี้ (9 กันยายน) พรรคก้าวไกล งานเปิดแคมเปญเลือกตั้งพรรค ‘ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า’ นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงวิสัยทัศน์การบริหารประเทศด้วยการเปรียบเทียบกับขวดน้ำดื่ม
พิธากล่าวว่า ทุกครั้งที่เรายกน้ำขึ้นมาดื่ม มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังที่สะท้อนความล้มเหลวและความไร้ประสิทธิภาพของรัฐไทย ความล้มเหลวของรัฐไทยในการให้บริการน้ำประปาที่สะอาดดื่มได้ ทำให้คนไทยต้องแบกรับภาระค่าน้ำดื่มสูงขึ้นถึง 1,000 เท่า ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีทรัพยากรน้ำมหาศาล
การประปาอาจจะบอกว่าตรวจคุณภาพน้ำในกรุงเทพฯ 2,000 จุดแล้วดื่มได้ แต่น้ำประปาผ่านตามท่อถึงบ้านเราไขก๊อกออกมาดื่มไม่ได้ ในกรุงเทพฯ บางพื้นที่ยังใส แต่ในต่างจังหวัด แต่ละบ้านต้องมาแข่งกันว่าน้ำประปาจะสีอะไร ใช้ซักผ้าไม่ได้ ใช้ล้างจานไม่ได้ ใช้อาบน้ำไม่ได้ ในประเทศอื่นๆ เขาควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของน้ำประปาโดยใช้แรงดันน้ำที่ปลายท่อ
สาเหตุที่รัฐไทยให้แรงดันน้ำกับประชาชนไม่ได้ นั่นเพราะเราจะสูญเสียน้ำไปตามท่อจากท่อระบายน้ำรั่วประมาณ 30% ถ้ายิ่งเปิดแรงดันน้ำแรง น้ำก็จะยิ่งรั่วมาก ถ้าเปิดน้ำอ่อยๆ น้ำก็จะรั่วน้อยลง แต่การที่ภาครัฐเปิดน้ำให้ประชาชนอ่อยๆ เพราะกลัวน้ำรั่ว
พิธากล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีปัญหาที่หมักหมม และแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูกอยู่แบบนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำแล้ง-น้ำท่วม เรื่องเกษตรที่อุ้มราคาเฉพาะหน้าอย่างเดียวแต่แทบไม่มีการยกระดับเกษตรกร เรื่องงบประมาณที่ซุกหนี้และภาระผูกพันไว้มากมายเป็นระเบิดเวลาในอนาคต ถ้าประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้เพื่อให้น้ำสะอาด เราไม่มีวันที่จะสามารถทำเรื่องยากๆ เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในระดับโลกได้
อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากก็คือชิปคอมพิวเตอร์ โรงงานผลิตชิปคอมพิวเตอร์โรงงานหนึ่งอาจใช้น้ำได้สูงถึง 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี
แต่เมื่อมองย้อนกลับมาดูความพร้อมของประเทศไทย อย่างเรื่องน้ำที่การประปายังเปิดน้ำให้แรงดันสูงเท่ากับต่างประเทศไม่ได้ มันทำให้เราเสียโอกาสมากไปถึงการสร้างอุตสาหกรรมอนาคตอย่างการสร้างชิปคอมพิวเตอร์ในช่วงเวลาที่ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์มันทำให้ทั้งโลกต้องมาแข่งขันกันดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมขั้นสูง
การที่คณะก้าวหน้าทำน้ำประปาดื่มได้ให้ประชาชน ไม่ได้ตั้งใจเฉพาะทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายจะสร้างระบบน้ำประปาที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ใช้ระบบ IoT, Smart Meter, Smart Pressure Gauge, มีเซ็นเซอร์ มีระบบประมวลผลขึ้นจอวัดค่าความขุ่น ความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำได้ วัดระดับความดันน้ำในแต่ละจุดของ Water Grid กลับมาแสดงผลบนหน้าจอได้
พิธากล่าวต่อว่า ระบบเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นไม่ได้แค่ทำให้บริการประชาชนได้ดีขึ้น แต่เป็นการสร้างห่วงโซ่มูลค่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ในการเลือกตั้งปี 2566 จะเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเรา ว่าประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่ จะได้แค่เปลี่ยนรัฐบาลหรือจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งประเทศ
นอกจากนี้ภายในงานได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. 23 เขตพรรคก้าวไกล ได้แก่
- เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เขตธนบุรี คลองสาน บางกอกใหญ่
- ปวิตรา จิตตกิจ เขตภาษีเจริญ
- สิริน สงวนสิน เขตทวีวัฒนา
- พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ เขตบางพลัด บางกอกน้อย
- ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขตบางขุนเทียน
- ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขตจอมทอง
- ธัญธร ธนินวัฒนาธร เขตบางแค
- ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ เขตสัมพันธวงศ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย ดุสิต
- ธิษะณา ชุณหะวัณ เขตสาทร บางรัก ปทุมวัน
- ภูริวรรธก์ ใจสำราญ เขตบางเขน
- จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ เขตยานนาวา บางคอแหลม
- ภัณฑิล น่วมเจิม เขตคลองเตย วัฒนา
- คริส โปตระนันทน์ เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี
- เฉลิมชัย กุลาเลิศ เขตห้วยขวาง
- เอกราช อุดมอำนวย เขตดอนเมือง
- ธนเดช เพ็งสุข เขตลาดพร้าว วังทองหลาง
- ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ เขตสายไหม
- ฉัตรชัย เลี้ยงมงคล เขตหนองจอก
- ปิยรัฐ จงเทพ เขตบางนา พระโขนง
- ชุมพล หลักคำ เขตลาดกระบัง
- ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ เขตสะพานสูง ประเวศ
- สุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ เขตสวนหลวง ประเวศ
- พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ เขตคลองสามวา
ในส่วนของนโยบาย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลฝ่ายนโยบาย กล่าวถึงความสำเร็จและอนาคตของพรรคก้าวไกลในเส้นทางนโยบายที่ประชาชนมีส่วนร่วม เช่น เรื่องสุราก้าวหน้า ที่ขจัดอุปสรรคทางกฎหมายของผู้ประกอบการรายเล็ก เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และเรื่องสมรสเท่าเทียม ที่ยืนยันความเชื่อเรื่องสังคมที่คนเท่ากัน สังคมที่คนทุกคนเสมอภาคกัน และความเชื่อว่าทุกคนมีเสรีภาพที่ทุกคนจะทำตามฝัน โดยปราศจากความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ
พระราชบัญญัติเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ที่สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้โดยไม่ต้องถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านอีกต่อไป เปิดโอกาสประชาธิปไตยทางตรงให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดเสนอกฎหมายได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การอภิปรายในสภาที่จริงจังต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนเจ้าของภาษี
ด้าน พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการสื่อสารนโยบาย กล่าวถึงทิศทางอนาคตการทำนโยบายของพรรคก้าวไกลว่า โจทย์ของพรรคก้าวไกลคือต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น ทางพรรคต้องการระดมพลังและไอเดียจากประชาชนทุกคนทั่วประเทศ ผ่านการเปิดตัวแพลตฟอร์มตลาดนโยบาย ที่จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาเสนอนโยบายที่เขาอยากเห็น