หลังจากที่ อแมนด้า ออบดัม เฉิดฉายและทำผลงานได้ดีที่สุดจากการผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายของเวทีการประกวด Miss Universe 2020 ซึ่งเป็นครั้งที่ 69 ณ Seminole Hard Rock Hotel & Casino Hollywood รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ชื่อของผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยหายไปจากพื้นที่สื่อรวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพราะเธอคือหนึ่งในผู้หญิงที่มีพลังบวกอันล้นเหลือ และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่เป็นแบบอย่างให้กับนางงามรุ่นน้อง รวมถึงการเคลื่อนไหวอย่างมีอุดมการณ์ทางสังคม และที่สำคัญเธอเป็นหนึ่งในคนที่เชิดชูนิยามของความงามแบบ Beautifully Confident ที่เชื่อว่า คนที่มีความมั่นใจจากภายในว่า “ฉันเองนี่แหละสวย” โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก นี่แหละคือคนที่สวยที่สุดในมุมมองของเธอ
ซึ่ง THE STANDARD POP มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้หญิงที่ทั้งสวย เก่ง และมีมายด์เซ็ตยอดเยี่ยมในทุกมิติของความงาม ที่พร้อมจะส่งต่อพลังบวกดีๆ ให้กับทุกคนได้กล้าที่จะมั่นใจในความสวยที่เป็นตัวของตัวเอง
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหญิงอแมนด้า
อแมนด้า: ตอนเป็นเด็ก ด้าเติบโตมาด้วยการเป็นเด็กที่ไม่ค่อยจะรักสวยรักงามเท่าไรเลยค่ะ อาจเป็นเพราะว่าด้าเติบโตมาบนเกาะภูเก็ตที่ล้อมรอบด้วยทะเลและธรรมชาติ ด้าก็เลยไม่ได้ไปเดินห้างสรรพสินค้า ไม่ใช่เด็กที่รักสวยรักงาม แต่จะเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบทะเล ชอบออกไปเที่ยวกลางแจ้ง ไปเดินบนเขา เข้าป่า อะไรทำนองนี้ค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ด้าชอบมากกว่าการเข้าเมือง กว่าจะเริ่มรู้จักเครื่องสำอางและเริ่มใช้เป็นก็ตอนอายุประมาณ 15-16 ปีเลย เป็นวัยเรียน ซึ่งเครื่องสำอางที่ซื้อเองชิ้นแรกก็หนีไม่พ้นลิปสติก เพราะตอนนั้นตัวเองยังไม่มีทักษะการแต่งหน้า เลยยังไม่ซื้อดินสอเขียนคิ้ว จะใช้เป็นแค่ลิปสติกหรือลิปทินต์นิดหน่อย
Beauty ในมุมมองของอแมนด้า
อแมนด้า: มันคือความมั่นใจค่ะ เพราะด้าเองถ้าย้อนไปตอนเด็กๆ ก็จะเติบโตมากับค่านิยม Beauty Standard ของประเทศไทย ก็ต้องเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาว ผิวขาว ทำนองนี้ แต่พอเราเริ่มโตขึ้นมา ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ก็รู้เลยว่า Standard ด้านความงามของแต่ละประเทศไม่เหมือนกันหรอกนะ ถ้ายกตัวอย่างที่ด้าเห็นชัดเจนคือ ตอนไปประกวด Miss Universe 2020 ซึ่งเวทีนี้เขาจะคัดเลือกผู้หญิงที่สวยที่สุดของแต่ละประเทศมาประกวดกัน แล้วพอสาวๆ จากประเทศต่างๆ มาอยู่รวมกัน เราได้เห็นความแตกต่างชัดเจนเลยว่าทุกคนล้วนมีความงามในแบบฉบับของตัวเอง บางคนผิวขาว บางคนผิวแทน บางคนผิวสี ซึ่งความสวยเหล่านี้มันไม่จำเป็นจะต้องจำกัดว่าต้องเป็นแบบโน้นหรือแบบนี้ถึงจะสวย เพราะ Beauty สำหรับด้ามันมาจากข้างในมากกว่า โดยเฉพาะความมั่นใจ
สำหรับอแมนด้า อะไรคือ Beautifully Confident ที่เป็นสโลแกนเปลี่ยนใหม่ของกองประกวด Miss Universe 2022 ล่าสุด
อแมนด้า: จริงๆ ก็รู้สึกดีใจนะคะที่ทางกองประกวด Miss Universe 2022 เขาได้เปลี่ยนจาก Confidently Beautiful มาเป็น Beautifully Confident เปลี่ยนจากการเน้นความสวยมาเป็นการเน้นความมั่นใจมากกว่า เพราะอย่างที่บอกไปเลยค่ะว่าคนที่มีความมั่นใจเราจะเห็นว่าเขามีออร่าบางอย่างออกมาจากข้างใน โดยที่เขาไม่จำเป็นจะต้องมากังวลเรื่อง Beauty Standard ของเขา แต่เขาคิดว่าเป็นตัวเองในแบบของเขาที่มีความมั่นใจจากภายใน ฉันเองนี่แหละสวย โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก นี่แหละคือคนที่สวยที่สุด
คุณคิดว่าผู้หญิงสวยที่สุดตอนไหน
อแมนด้า: ด้ามองว่าการที่เราได้ลงมือทำอะไรเพื่อคนอื่น เช่น ทำงานจิตอาสา การที่เราไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรเพื่อตัวเอง สามารถทำอะไรเพื่อคนอื่นได้ ซึ่งมันก็มีให้ทำอยู่เยอะมากๆ อย่างตัวด้าเองเริ่มจิตอาสาตั้งแต่อายุ 14-15 ปีหลังจากสึนามิที่เกิดในไทยปี 2547 ตอนนั้นด้าก็เริ่มทำงานจิตอาสามาตลอด ไปสอนเด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ เช่น เด็กที่พ่อแม่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งพอทำอะไรแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถเป็นผู้ให้แก่คนอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเลย
ชวนแบ่งปันทิปความงาม 3 ข้อจากประสบการณ์แต่งหน้า
อแมนด้า: เวลาแต่งหน้าแต่ละครั้ง สิ่งแรกที่ด้าต้องพิจารณาคือเรื่องของกาลเทศะ เราต้องรู้ว่าเราจะแต่งหน้าไปงานแบบไหน เช่น ถ้าต้องแต่งหน้าไปงานกาล่าก็จะต้องแต่งหน้าให้เข้มขึ้น หรือถ้าไปวัด ไปเจอผู้ใหญ่ ก็จะเบาหน้าลงมาให้ดูสุภาพ ซึ่ง Beauty Tips ของด้าที่อยากแบ่งปันก็จะมี
- การเลือกรองพื้นให้เข้ากับสีผิวของเรา อันนี้สำคัญมาก อย่างตัวด้าเองมีอันเดอร์โทนค่อนข้างเหลือง ดังนั้นเวลาเลือกรองพื้นก็จะถาม BA ว่ารองพื้นรุ่นไหนมีอันเดอร์โทนเหลืองบ้าง เพราะว่าสีผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราเลือกรองพื้นที่เข้ากับผิวที่สุด มันจะดูเนียน ไม่วอกไป ไม่คล้ำไป มันจะดูดีที่สุด
- อยากแนะนำเรื่องคิ้วค่ะ เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า เราจะต้องลองจนเจอเทคนิคการเขียนคิ้วที่เหมาะกับเรา เรื่องการแต่งหน้ามันเป็นการทดลองอย่างหนึ่ง ด้าคิดว่าไม่มีแบบไหนผิดหรือถูก เราต้องเลือกว่าแบบไหนถูกใจเราที่สุด คิ้วก็เหมือนกัน เราต้องลองดู เพราะเทรนด์คิ้วแต่ละปี แต่ละซีซัน เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เราต้องเลือกแบบที่เราชอบและเหมาะสมกับใบหน้าของเราเอง แม้ว่าคนอื่นจะไม่ชอบ แต่เราชอบ ก็ไม่เห็นเป็นไร
- เลือกเฉดลิปสติกที่เข้ากับตัวเรามากที่สุด ชอบแบบไหนก็ทาแบบนั้น ถ้าเป็นเรื่องการแต่งหน้า ด้าคิดว่ามันคือการทดลอง แต่ต้องระวังว่าการแต่งหน้าโดยรวมเราไม่จำเป็นต้องถมให้หนาที่สุด เพราะการแต่งหน้าเบาๆ ก็สวยได้เหมือนกัน
Beauty Routine ของอแมนด้า
อแมนด้า: ด้าเป็นคนผิวแห้ง จึงให้ความสำคัญกับสกินแคร์มากค่ะ บางทีเวลาผิวแห้งมากๆ มันส่งผลให้เวลาแต่งหน้าหรือลงรองพื้นมันจะติดไม่ทนสักเท่าไร เพราะฉะนั้นก็จะบำรุงหนักๆ เลย ด้าจะเลือกเซรั่มต่างๆ ที่เหมาะกับสภาพผิวเรา และชอบใช้สกินแคร์ที่ไม่ใส่น้ำหอมเลย เน้นเกี่ยวกับการบำรุง ก่อนนอนก็จะโปะให้หนาๆ เลยค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการทาครีมกันแดดนะคะ เพราะว่าบ้านเราแดดร้อนมาก มันจะทำให้ผิวเราเสียได้ด้วย เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันด้วยค่ะ เดี๋ยวนี้นวัตกรรมความงามก็ช่วยให้เราสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ตอนนี้มีสเปรย์กันแดดที่เราสามารถใช้เหมือน Mist Spray หรือ Setting Spray ที่หากเราเลือกดีๆ บางแบรนด์เขาจะมีใส่ SPF มาให้ด้วย เพราะการทาครีมกันแดดจะต้องทาบ่อยๆ อย่างเวลาไปทะเลหรือออกกลางแจ้งเราก็ต้องทาก่อนลง รออีกกี่นาทีก็ตามก็ต้องมาทาใหม่ แต่เวลาที่เราแต่งหน้าเสร็จ จะให้กลับมาทาครีมกันแดดอีกมันก็จะไม่สะดวก ด้าเลยชอบใช้แบบสเปรย์กันแดดระหว่างวันที่ฉีดทับเมกอัพได้เลย
ช่วยเล่าถึงการร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Giorgio Armani
อแมนด้า: เวลานึกถึง Giorgio Armani ด้าจะนึกถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่มีความทันสมัย มีความมั่นใจ และแน่นอนว่าต้องนึกถึงน้ำหอมของเขาด้วย เพราะด้าเองก็ทำงานกับแบรนด์ของน้ำหอม Giorgio Armani ก็จะรู้สึกว่าแบรนด์นี้คือตัวแทนของ
ผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของความอ่อนหวานซุกซ่อนอยู่ในนั้นด้วย การที่ด้าได้ร่วมงานกับแบรนด์ Giorgio Armani ก็รู้สึกดีใจมากค่ะ เพราะรู้จักตั้งแต่เด็ก ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาร่วมงานกับแบรนด์ พอมีโอกาสมาร่วมงานก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นไปอีก ต้องขอบคุณแบรนด์ Giorgio Armani ด้วยค่ะที่เลือกด้ามาทำงานด้วย
ไอเท็มโปรดของแบรนด์ Giorgio Armani
อแมนด้า: ในชีวิตประจำวันด้าก็ใช้น้ำหอมของเขานะ เพราะด้าชอบให้ตัวเองตัวหอม เวลาออกไปไหนก็ตามก็ต้องมั่นใจว่าตัวเองฉีดน้ำหอมแล้วและมีกลิ่นที่หอม เอาจริงๆ ด้าจะมีแฟนคลับที่ไม่ว่าจะเจอกันครั้งไหนๆ เขาก็จะบอกว่าอุ๊ย กลิ่นตัวหอมอีกแล้ว ใช้ของอะไร ซึ่งด้าจะชอบมากเวลามีคนมาบอกว่ากลิ่นตัวเราหอมจังเลย เรารู้สึกว่ากลิ่นหอมๆ มันช่วยให้คนจดจำเราได้เหมือนกันค่ะ
น้ำหอมของ Giorgio Armani ที่ด้าชอบมากที่สุดจะเป็น Giorgio Armani Si Passione Eau De Parfum ค่ะ ได้มีโอกาสไปถ่ายแบบกับแบรนด์ด้วยนะคะ ตัวนี้เลย ทุกครั้งที่ฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้จะทำให้ด้ามีความมั่นใจมากขึ้น เหมือนเราเป็นผู้หญิงที่สามารถทำอะไรก็ได้บนโลกนี้ เหมือน Nothing Impossible เลยค่ะ จริงๆ นะ (หัวเราะ) ซึ่งเป็นกลิ่นแบบผู้หญิง Independent มีความมั่นใจ แต่ก็ยังมีความหวานซ่อนอยู่ด้วย ด้าว่าเป็นน้ำหอมที่เพอร์เฟกต์มากๆ สำหรับผู้หญิงยุคนี้
เทคนิคการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนาน
อแมนด้า: ด้าก็จะฉีดน้ำหอมเหมือนที่ทุกคนรู้นะคะ ตามที่เราเห็นเขาฉีดกัน ไม่ว่าจะในทีวีหรือโฆษณาก็ตาม เขามักจะฉีดน้ำหอมกันตามแขนหรือบริเวณคอ ตามข้อพับจุดชีพจรต่างๆ ใช่ไหมคะ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ด้ารู้สึกว่าทำให้นำ้หอมติดทนนานคือด้าจะชอบฉีดหลังทาโลชั่นแล้ว เวลาทาโลชั่นเสร็จแล้วฉีดน้ำหอมตามลงไปตามจุดต่างๆ จะทำให้น้ำหอมติดทนนานขึ้น
คิดอย่างไรกับเรื่องสิ่งแวดล้อมโลก
อแมนด้า: ยุคนี้คนให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นเยอะค่ะ และหนึ่งในเรื่องที่คนพูดถึงมากๆ เลยในยุคนี้ก็คือ Fast Fashion ตามแบรนด์ต่างๆ ที่หลายๆ คนอาจซื้อมาใส่ครั้งเดียวแล้วจบไป หรือว่าการผลิตเสื้อผ้าที่มันไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตของเราที่สามารถมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้าก็จะเลือกซื้อเสื้อผ้าที่รู้สึกว่าถ้าเราซื้อมาแล้วเราจะใส่มันได้หลายๆ ครั้ง หรือว่าชิ้นที่เราชอบมากๆ เราสามารถใส่ได้หลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นยีนส์หรือเป็นเดรสก็ตาม ถ้าเป็นการช่วยลดโลกร้อนในสายของเมกอัพหรือสกินแคร์ เราก็สามารถทำได้เหมือนกัน สมัยนี้มีตัวเลือกให้เราเลือกเยอะมากๆ ที่เขาเขียนระบุเลยว่าผลิตมาเพื่อความ Sustainable นะ เราก็จะเลือกซื้อแบบนั้นมากกว่า ถ้าเราสามารถทำอะไรที่แม้คนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้หรอก แต่ถ้าร่วมมือกันทำสิ่งเล็กๆ นี้ จะทำให้เกิดความยิ่งใหญ่ได้ค่ะ
สิ่งที่อยากบอกใครก็ตามที่ยังติดกับดัก Beauty Standard เดิมๆ
อแมนด้า: ด้าอยากบอกว่า Beauty Standard ถูกสร้างขึ้นมาโดยใครก็ไม่รู้ มันไม่ใช่สิ่งที่คือที่สุดนะ สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ด้าเสริมความมั่นใจมากๆ เลย ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ใน Beauty Standard ของคนไทย อย่างตอนเด็กๆ เราก็ไม่ได้ผิวขาว เพราะชอบออกไปทะเล แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้มากๆ คือเสียงที่อยู่ในหัวของเรา คนอื่นอาจใจร้ายกับเรามาก แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเองใจร้ายกับตัวเองด้วย อันนี้อยากจะให้ใช้น้ำเสียงที่ใจดีและใช้การพูดที่ใจดีกับตัวเอง ลองยืนมองตัวเองในกระจกนะคะ แล้วบอกว่า เออ วันนี้ฉันสวยแล้ว ฉันเป็นแบบนี้ นี่คือร่างกายที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นเราควรขอบคุณเขามากกว่าที่จะไปตัดสินตัวเองว่าทำไมไม่สวยเลย อย่าเอาเรื่อง Beauty Standard มาทำให้เราขาดความมั่นใจหรือทำให้เราเสียใจหรือน้อยใจ เพราะอย่างที่ด้าบอกไปว่า Beauty Standard ในแต่ละประเทศ หรือทั้งโลกนี้ มันสวยไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เราอาจไม่ตรงกับ Beauty Standard ของที่นี่ แต่เมื่อเราไปประเทศอื่นเราอาจจะตรงกับประเทศนั้นๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันไม่มีจุดที่เป็นที่สุดของชีวิต ไม่ว่าเราจะเป็นแบบไหน อยากให้มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นดีกว่าค่ะ
ภาพ: Courtesy of Brand