เฟซบุ๊ก เผยผลประกอบการปี 2017 ของบริษัท พบทำรายรับเกินเป้าที่ 40,653 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2016 มากกว่า 47.1% (27,638 ล้านเหรียญสหรัฐ) แต่ข่าวร้ายคือสัดส่วนผู้ใช้งานกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด คิดเป็นตัวเลขอยู่ที่ 50 ล้านชั่วโมงต่อวัน!
วันพุธที่ 30 มกราคม 2561 เฟซบุ๊กเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทและผลกระทบที่เกิดขึ้นในด้านอื่นๆ พบว่าผลประกอบการรวมตลอดทั้งปี 2017 ที่ผ่านมาทำได้ดีเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ กวาดรายรับรวมได้ที่ 40,653 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.27 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.1% จากปี 2016 ที่ทำรายรับไป 27,638 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ดี แม้รายรับบริษัทจะโตเกือบครึ่งเท่าตัว แต่ผลลัพธ์เชิงการใช้งานของผู้บริโภคโดยรวมทั่วโลกกลับไม่เป็นไปตามที่เฟซบุ๊กคิด เพราะปีที่ผ่านมา สัดส่วนชั่วโมงการใช้เวลาของผู้บริโภคบนเฟซบุ๊กกลับหายไปมากกว่า 50 ล้านชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว!
ด้าน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฟซบุ๊กแสดงความเห็นว่า การปรับกลยุทธ์และอัลกอริทึมบนหน้านิวส์ฟีดแบบใหม่เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นโพสต์ระหว่างผู้ใช้งานด้วยกันมากขึ้นจะเป็นโอกาสที่ดีซึ่งช่วยให้รายรับบริษัทในระยะยาวเติบโตขึ้นได้อีกมาก
“การช่วยให้ผู้คนเชื่อมโยงถึงกันเป็นส่ิงที่สำคัญกว่าการเพิ่มสัดส่วนการใช้เวลาอยู่บนเฟซบุ๊ก เราสามารถทำให้แน่ใจได้ว่าบริการของเราเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้คนและสังคมโดยรวม”
“เราได้ทำการเปลี่ยนแปลงให้หน้าฟีดแสดงคอนเทนต์วิดีโอไวรัลน้อยลง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนใช้งานบนเฟซบุ๊กได้อย่างเหมาะสม ผลคือมันทำให้สัดส่วนการใช้เวลาอยู่บนเฟซบุ๊กของผู้คนลดลงกว่า 50 ล้านชั่วโมงในทุกๆ วัน” ซักเคอร์เบิร์กกล่าว
หนึ่งในสาเหตุที่คาดกันว่าจะทำให้เฟซบุ๊กสร้างรายได้จากกลยุทธ์นิวส์ฟีดโฉมใหม่ได้มาก คือการกระตุ้นทางอ้อมให้ผู้ประกอบการและแบรนด์ทั้งหลายต้องทุ่มซื้อโฆษณาบูสต์โพสต์กันมากขึ้น ซึ่งเฟซบุ๊กเผยว่าผลกำไรตลอด 3 เดือนหลังสุดของปี 2017 เพิ่มขึ้นสูงมากกว่า 20% หรือกว่า 4.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ส่วนใหญ่ก็มาจจาก ‘ค่าโฆษณา’ ขณะที่ยอดผู้ใช้งานแบบ Active Users ต่อเดือนในช่วงไตรมาสที่ 4 ก็มีจำนวนกว่า 2.13 พันล้านราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมากกว่า 14%
ดูเหมือนว่าเฟซบุ๊กและซักเคอร์เบิร์กจะไม่ได้กังวลกับสัดส่วนการใช้งานของผู้บริโภคที่ลดลงเลยด้วยซ้ำ เพราะด้วยผลประกอบการโดยรวมที่ดีขึ้น จึงทำให้พวกเขาวางใจว่าหลังการปรับอัลกอริทึมบนหน้านิวส์ฟีด แพลตฟอร์มนี้จะทำเงินจากการซื้อโฆษณาของผู้ประกอบการและเพจต่างๆ ได้อย่างมหาศาล
อ้างอิง:
