วานนี้ (4 สิงหาคม) ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เผยว่า ขณะนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครน หนึ่งในโรงไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซียแล้ว ซึ่งการยึดครองดังกล่าวเป็นการละเมิดหลักการด้านความปลอดภัย รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงที่อาจจะเกิดผลกระทบเชิงลบจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดตามมา
โดยกองทัพรัสเซียใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ซึ่งยังคงเปิดให้โรงงานไฟฟ้าทำงานต่อไป โดยพนักงานและเจ้าหน้าที่ชาวยูเครน ภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซีย
เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่กองทัพรัสเซียเริ่มเข้ามาประชิดพื้นที่แถบที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ ทางการยูเครนไม่ได้เชิญให้ IAEA มาตรวจสอบความเสียหายของตัวโรงงาน อีกทั้งยังกังวลว่า การประสานงานร่วมมือกับกองทัพรัสเซียที่ยึดครองโรงงานไฟฟ้านี้อยู่ จะสร้างความชอบธรรมให้กับกองทัพรัสเซีย ซึ่งในขณะนี้ ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการ IAEA ขอความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย เนื่องจาก IAEA จำเป็นต้องส่งทีมเข้าไปตรวจสอบโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่อาจได้รับความเสียหายจากสงคราม เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
นอกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียแล้ว ยูเครนยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกอย่างน้อย 3 แห่ง และพื้นที่ทางตอนเหนือของยูเครน ครั้งเมื่อยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ก็เคยเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ที่เกิดระเบิดขึ้นในปี 1986 กลายเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของมวลมนุษยชาติ
ภาพ: Ed Jones / AFP
อ้างอิง: