ค่า เงินบาท เปิดตลาดเช้าวันนี้ (5 สิงหาคม) ที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ ‘แข็งค่าขึ้น’ จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 105.7 จุด แรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากขึ้น หลังจากที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.6 แสนราย แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้
อนึ่ง การปรับตัวลดลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ในจังหวะที่ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอยมากขึ้น ได้หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่าการปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านดังกล่าวของราคาทองคำ อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง ซึ่งโฟลวธุรกรรมดังกล่าวอาจมีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้
สำหรับวันนี้ มองว่าไฮไลต์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามคือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยตลาดประเมินว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกรกฎาคม อาจเพิ่มขึ้น 2.5 แสนราย และยังไม่ได้สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างที่ตลาดกังวล
ทั้งนี้ เรามองว่าข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ แม้จะยังแข็งแกร่ง แต่ก็เริ่มส่งสัญญาณชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้เราประเมินว่า หากเงินเฟ้อรวมถึงเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะกลางไม่ได้เร่งตัวขึ้นไปมาก Fed ก็ไม่ได้จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง
อย่างไรก็ดี ต้องระมัดระวังความผันผวนในตลาดที่อาจเกิดขึ้น หากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดไปมาก อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 แสนราย และค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมง (Average Hourly Earnings) ยังคงปรับตัวขึ้นในอัตราเร่งมากกว่า 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งกว่าคาดดังกล่าว อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่า Fed ยังมีโอกาสเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้
ส่วนในฝั่งไทย เรามองว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในเดือนกรกฎาคมอาจอยู่ที่ระดับ 7.7% ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า -0.05% เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง จะช่วยลดผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอื่นๆ อาทิ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งหากเงินเฟ้อไม่ได้เร่งขึ้นสูงไปมากกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความคาดหวังต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยมากขึ้น และอาจรอจังหวะเข้ามาซื้อบอนด์ระยะกลางถึงยาวเพิ่มเติมได้
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways หรือแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หลังจากที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และแข็งค่ามากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ แรงขายทำกำไรทองคำ รวมถึงความหวังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากต่างชาติในไทย ซึ่งทั้งสามปัจจัยดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้
อย่างไรก็ดี เรามองว่าตลาดค่าเงินอาจมีความผันผวนสูงขึ้นได้ในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งต้องระวังในกรณีที่ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดไปมาก ทำให้ตลาดกลับมากังวลโอกาส Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ย และอาจทำให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้
ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทหลุดระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ อาจหนุนให้ผู้นำเข้าบางส่วน โดยเฉพาะในฝั่งบริษัทพลังงาน อาจใช้จังหวะที่ราคาสินค้าพลังงานปรับตัวลดลงในการทยอยซื้อเงินดอลลาร์ ประกอบกับผู้เล่นบางส่วนที่เข้ามาเก็งกำไรการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงก่อนหน้าอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรบ้าง ทำให้เงินบาทอาจมีแนวรับใหม่ในโซน 35.70-35.80 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนราคา 36.20 บาทต่อดอลลาร์ อาจเป็นโซนแนวต้านใหม่ของเงินบาทในช่วงนี้ ซึ่งเราเริ่มเห็นผู้ส่งออกต่างรอขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าวพอสมควร
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-36.00 บาทต่อดอลลาร์
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP