จากกรณีที่ Zipmex Thailand ประสบปัญหาสภาพคล่อง จนต้องประกาศระงับการถอนเงินจากผลิตภัณฑ์ ZipUp+ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้ผลตอบแทนในลักษณะเดียวกับการฝากเงิน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการที่ Zipmex Global ได้นำสินทรัพย์ที่รับฝากไว้จาก Zipmex Thailand ไปฝากกับ Babel Finance และ Celsius แพลตฟอร์มด้านคริปโตเคอร์เรนซีที่มีปัญหาสภาพคล่องไปก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นคิดเป็นมูลค่า 53 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 2 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ฝากไว้กับ Babel Finance 48 ล้านดอลลาร์ และ Celsius 5 ล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ก.ล.ต. สั่ง Zipmex แจงรายละเอียด ขอพักชำระหนี้ พร้อมจี้อำนวยความสะดวกผู้ลงทุน
- ก.ล.ต. จี้ Zipmex ชี้แจงกรณียื่นขอพักชำระหนี้ต่อศาลสิงคโปร์
เอกลาภ ยิ้มวิไล ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Zipmex Thailand กล่าวว่า ความเสียหายจากส่วนของ Celsius จำนวน 5 ล้านดอลลาร์ ทาง Zipmex สามารถที่จะใช้เงินที่มีอยู่ชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ก่อน
สำหรับเงินจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ จะถูกกระจายให้กับผู้ลงทุนตามสัดส่วน โดย Zipmex จะออกประกาศช่วงเย็นวันนี้ (1 สิงหาคม) เพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดให้ลูกค้าสามารถถอนเหรียญบางส่วนก่อนจากบัญชี ZipUp+ ได้แก่ ADA, SOL และ XRP โดยลูกค้าที่ฝากเหรียญทั้ง 3 นี้ไว้ จะสามารถถอนได้เต็มจำนวน
อย่างไรก็ตาม แนวทางการแก้ปัญหานี้เพื่อให้ทุกคนได้รับเงินลงทุนคืนทั้งหมด บริษัทจำเป็นจะต้องประสบความสำเร็จในการระดมทุน
“ถ้าระดมทุนสำเร็จจะทำให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติเช่นเดิม บริษัทมีการลงนาม MOU กับนักลงทุนแล้ว และบางรายก็ได้วางเงินมัดจำเพื่อดำเนินการเข้าสู่การทำ Due Dilligence ต่อไป โดยบริษัทคาดหวังเงินลงทุนอย่างน้อย 2 พันล้านบาท ที่ต้องใส่เข้ามาใน Zipmex สิงคโปร์ โดยอาจจะเป็นกึ่งๆ เพิ่มทุน RO หรือ PP”
ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยว่าผู้ลงทุนใน ZipUp+ ทั้งหมดทั่วโลกอยู่ที่ราว 1.2-1.3 แสนราย เป็นลูกค้าชาวไทย 6-7 หมื่นราย โดยลูกค้าที่ลงทุนมากที่สุดน่าจะอยู่ที่ราว 70-80 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ เอกลาภเปิดเผยถึงกรณีการยื่นพักชำระหนี้ต่อศาลสิงคโปร์ว่า การยื่นพักชำระหนี้ หรือ Moratorium Relief เพื่อช่วยให้บริษัทมีโอากาสระดมทุนเพิ่มเติมได้มากขึ้น โดยผลจากการยื่นพักชำระหนี้จะทำให้เจ้าหนี้ไม่สามารถฟ้องร้อง Zipmex ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากไม่ทำเช่นนี้และมีการยื่นฟ้องร้องจากเจ้าหนี้ในระหว่างนี้ จะทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน
“ขอยืนยันว่า Zipmex ยังไม่ได้ล้มละลาย บริษัทยังคงมีมูลค่าจากทั้งใบอนุญาตที่ได้รับจาก ก.ล.ต. ซึ่งหลังจากนี้อาจจะขอยากขึ้นสำหรับรายใหม่ นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่พร้อม ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้คือเรื่องเงิน ต้องแก้ด้วยเงิน”
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงว่าไม่เคยรับทราบว่าบริษัทมีผลิตภัณฑ์ ZipUp+ นั้น ผู้บริหารของ Zipmex ยืนยันว่า ก.ล.ต. รับทราบเรื่องผลิตภัณฑ์ ZipUp+ และมีหลักฐานเกี่ยวกับการยื่นข้อมูลกับ ก.ล.ต. ทั้งหมด
สำหรับประเด็นที่ว่า ZipUp+ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Zipmex สิงคโปร์ แต่ให้บริการผ่านแพลตฟอร์มของ Zipmex ประเทศไทย ในส่วนนี้ผู้บริหารชี้แจงว่าเป็นการขอความยินยอมจากลูกค้าตั้งแต่ต้นในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์จาก ZipUp เป็น ZipUp+ สำหรับลูกค้าที่ ‘กดยินยอม’ สินทรัพย์ของลูกค้าก็จะถูกโอนเข้าสู่ ZipUp+ ที่สิงคโปร์ ขณะที่ลูกค้าบางส่วนที่ไม่ยินยอม สินทรัพย์ก็จะยังคงอยู่ในไทยและไม่ได้เกิดปัญหาแต่อย่างใด
ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มผู้เสียหายจากกรณีของ Zipmex ได้นัดหมายกันเพื่อยื่นข้อมูลและชี้แจงกับผู้บริหารของ ก.ล.ต. โดย รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้ออกมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยว่า กรณีของ Zipmex อาจเข้าข่ายความผิดจากกรณีที่บริษัทระงับการซื้อขายในบัญชีซื้อขายโดยไม่มีเหตุอันควร จากการปิดระบบการซื้อขายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ขณะที่บริษัทขอใบอนุญาตซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดที่เข้าข่ายประกอบธุรกิจอื่นนอกเหนือจากใบอนุญาต โดยเฉพาะกรณีของ ZipUp+ ซึ่งนำเงินลงทุนของลูกค้าไปฝากกับบริษัทอื่นเพื่อหวังผลตอบแทน
ส่วนกรณีความผิดอื่นนอกเหนือจาก พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต. ได้ประสานงานและบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อพิจารณาว่ามีความผิดเข้าข่ายกฎหมายอื่นหรือไม่