เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศทุ่มงบประมาณ 2.3 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรงและภัยธรรมชาติ รวมถึงจัดสรรงบประมาณให้แก่รัฐต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด อันเป็นผลพวงจากสภาวะโลกรวน
ไบเดนได้ขึ้นกล่าวปราศรัยในรัฐแมสซาชูเซตส์ ท่ามกลางช่วงเวลาที่คลื่นความร้อนได้เข้าแผ่ปกคลุมทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือว่า “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามต่อประเทศของเราและต่อโลกอย่างแท้จริง สุขภาพของประชาชนและชุมชนของเราตกอยู่ในความเสี่ยง ดังนั้นเราจึงต้องลงมือดำเนินการ”
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า เงินก้อนนี้จัดสรรจากงบประมาณของหน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลกลางที่มีอยู่แล้ว โดยจะนำไปใช้ยกระดับการควบคุมอุทกภัย เสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคสาธารณูปโภค และปรับปรุงอาคารต่างๆ ซึ่งจะมุ่งช่วยเหลือชุมชนที่ด้อยโอกาสก่อน ในจำนวนนี้จะแบ่งเป็นงบประมาณ 385 ล้านดอลลาร์ เพื่อมอบเป็นทุนให้กับรัฐต่างๆ นำไปอุดหนุนค่าใช้จ่ายด้านเครื่องปรับอากาศให้แต่ละครัวเรือนและสถานที่แหล่งชุมชน
“ขณะนี้มีผู้คนนับล้านที่ทุกข์ทรมานจากสภาพอากาศร้อนจัดที่บ้าน ดังนั้น ทีมงานของผมจึงกำลังประสานงานร่วมกับรัฐต่างๆ เพื่อจัดสรรเงินมูลค่า 385 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นครั้งแรกที่รัฐต่างๆ จะสามารถใช้เงินทุนของรัฐบาลกลางเพื่อจ่ายค่าเครื่องปรับอากาศให้แต่ละครัวเรือน รวมถึงตั้งศูนย์ทำความเย็นในชุมชนและโรงเรียน ให้ผู้คนสามารถใช้บริการได้ท่ามกลางวิกฤตการณ์ความร้อน”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนที่จะเพิ่มงบประมาณสำหรับพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งในอ่าวเม็กซิโก และบังคับใช้ข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐานสำหรับสถานที่ทำงานใหม่ เพื่อช่วยปกป้องคนงานจากสภาพอากาศที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม ไบเดนไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ (Climate Emergency) ซึ่งจะเป็นคำสั่งที่เพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดีในการรับมือกับภัยโลกร้อนได้มากขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากสมาชิกพรรคเดโมแครตบางรายที่ต้องการผลักดันให้มีการประกาศกฎดังกล่าว ซึ่งจะเปิดทางให้ประธานาธิบดีมีอำนาจสกัดกั้นการนำเข้าน้ำมันดิบ หรือสามารถสั่งการให้ทหารปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการผลิตพลังงานหมุนเวียน
“ประธานาธิบดีไบเดนไม่สามารถทำคนเดียวได้” เฮเธอร์ ซิชาล (Heather Zichal) หัวหน้าผู้บริหารของ American Clean Power Association กล่าว “เราขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสกลับสู่โต๊ะเจรจา และทำข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการจัดหาพลังงานสะอาดที่ประเทศของเราต้องการอย่างยิ่ง”
แฟ้มภาพ: Joseph Prezioso / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
