เมื่อวานนี้ (14 กรกฎาคม) บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 จำนวน 1.85 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3%QoQ และ 11%YoY) สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 8% เพราะกำไรจากเครื่องมือทางการเงินมากกว่าที่คาด
สำหรับรายการสำคัญในผลประกอบการ 2Q65 มีดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์: NPL อยู่ในระดับทรงตัว QoQ Credit Cost เพิ่มขึ้น 11 bps QoQ สู่ 0.28% Credit Cost ใน 1H65 อยู่ที่ 0.22% ต่ำกว่าเป้าที่ TISCO วางไว้ในปี 2565 ที่ 0.5% อย่างมาก LLR Coverage ลดลงจาก 262% ณ 1Q65 สู่ 258% ณ 2Q65
- การเติบโตของสินเชื่อทรงตัว QoQ (ลดลง 5%YoY) การเติบโตของสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อ SME (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์) และสินเชื่อจำนำทะเบียน ถูกหักล้างโดยการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
- NIM เพิ่มขึ้น 6 bps QoQ เพราะผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 8 bps QoQ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินขยับขึ้น 2 bps QoQ
- รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง 5%QoQ (ลดลง 5%YoY) เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับตลาดทุนลดลง
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง 94 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 269 bps YoY) เพราะรายได้ดีขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ราคาหุ้น TISCO ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากราคาปิดในวันพฤหัสบดี โดยอยู่ที่ระดับ 86.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 1.17%DoD อยู่ที่ระดับ 1,518.83 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
SCBS ประเมินผลประกอบการ 1H65 คิดเป็นสัดส่วน 50% ของประมาณการกำไรปี 2565 และคาดว่ากำไร 2H65 จะอยู่ในระดับทรงตัว HoH เพราะการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เร่งตัวขึ้น (ตามปัจจัยฤดูกาล) จะถูกหักล้างโดย Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น
ซึ่ง SCBS ประมาณการกำไรปี 2565 ไว้ว่าจะเติบโต 7% โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อที่เติบโต 3% (หลังจากสินเชื่อหดตัวลงเป็นเวลาหลายปี) NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น 16 bps (เกิดจากผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อที่ดีขึ้น และจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสินเชื่อให้มีสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มมากขึ้น) Credit Cost ที่ลดลง 37 bps และ Non-NII ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1%
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP