เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (4 กรกฎาคม) บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ประกาศเข้าซื้อหุ้น 99% ของ TTTBB (บริษัทย่อยของ JAS) ซึ่งทำธุรกิจ Fixed Broadband คิดเป็นมูลค่า 1.95 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทจะเข้าซื้อหน่วยลงทุน 19% ของ JASIF จาก JAS คิดเป็นมูลค่า 1.29 หมื่นล้านบาท ในราคาหน่วยละ 8.5 บาท ด้วยธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.24 หมื่นล้านบาท
ดีลนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1Q66 แต่จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ TTTBB และผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF รวมถึงได้รับอนุญาตจาก กสทช. ด้วย โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้จะมาจากเงินกู้ยืมทั้งหมด
ด้านผู้บริหารกล่าวว่าธุรกิจ Fixed Broadband (FBB) เป็นหนึ่งในธุรกิจที่กำลังเติบโต เนื่องจากอัตราการเข้าถึงในประเทศไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ ดีลดังกล่าวยังจะทำให้ ADVANC สามารถเพิ่มความครอบคลุมของบริการ FBB ในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย เนื่องจากปัจจุบันบริการ FBB ของ ADVANC ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ และตัวเมืองเป็นส่วนใหญ่
โดยจากข้อมูลที่ได้จากผู้บริหาร ADVANC มีเครือข่าย FBB ครอบคลุม 7-8 ล้านครัวเรือน เทียบกับ 13 ล้านครัวเรือนสำหรับ JAS โดย 50% ของพื้นที่ครอบคลุมการให้บริการของ JAS ไม่ทับซ้อนพื้นที่บริการของ ADVANC นอกจากนี้ TTTBB ยังมีร้านค้ามากกว่า 300 แห่ง ซึ่งสามารถใช้ Cross-Sell ผลิตภัณฑ์และบริการของ ADVANC ได้ด้วย
และภายหลังการทำธุรกรรมครั้งนี้ ADVANC จะก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการ FBB รายใหญ่อันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 35% ขณะที่ TRUE ยังคงเป็นผู้ให้บริการ FBB อันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 38%
สำหรับราคาเข้าซื้อสามารถยอมรับได้ โดย SCBS ประเมินราคาเข้าซื้อต่อผู้ใช้บริการสำหรับ TTTBB ได้ที่ 8,058 บาทต่อราย โดยอิงกับผู้ใช้บริการ Fixed Broadband จำนวน 2.42 ล้านราย ณ 1Q65 ซึ่งสูงกว่ารายได้ต่อผู้ใช้บริการของ TTTBB ที่ 7,417 บาทต่อราย อยู่ 8.6% การนำหลักการแบบเดียวกันนี้มาใช้กับ TRUE บ่งชี้ว่า ADVANC เข้าซื้อ TTTBB ในราคาพรีเมียม 16.7% เมื่อเทียบกับมูลค่าธุรกิจ Fixed Broadband ของ TRUE
ซึ่งมีเหตุผล 2 ประการรองรับ คือ 1. TTTBB มี ARPU สูงกว่า TRUE อยู่ 20% และ 2. เมื่อพิจารณาจากดีล M&A ทั่วโลกสำหรับกลุ่มธุรกิจนี้ พบว่าราคาเข้าซื้อมีค่าพรีเมียม 20% สำหรับ JASIF นั้น ราคาเข้าซื้อต่ำกว่าราคาปิดล่าสุดก่อนประกาศเข้าซื้ออยู่ 10.5% ดังนั้นจึงเชื่อว่าราคาเข้าซื้อทั้งสองรายการเป็นราคาที่ยอมรับได้
ทั้งนี้ หลังการทำธุรกรรมกำไรจะเพิ่มขึ้น โดย ADVANC จะเสนอให้ยกเลิกสัญญาเช่าบางส่วนกับ JASIF ซึ่งจะทำให้รายได้ค่าเช่าของ JASIF ลดลงในปี 2566-2575 แลกกับการขยายอายุของสัญญาเช่าให้นานขึ้นจากสิ้นสุดปี 2575 เป็นสิ้นสุดปี 2580 ลดความเสี่ยงด้านกระแสเงินสด และมีโอกาสได้รับการอัดฉีดสินทรัพย์ในอนาคต ข้อเสนอดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF ในสัดส่วน 75% ไม่นับรวมหน่วยลงทุน 19% ที่ ADVANC จะเข้าซื้อ
ซึ่งข้อเสนอนี้จะช่วยให้ TTTBB ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 3 พันล้านบาทในปี 2575 ซึ่ง SCBS คาดว่าข้อเสนอดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบ และจะส่งผลทำให้กำไรปี 2575 ที่คาดการณ์ไว้สำหรับ ADVANC ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 2.9% ตามหลักความระมัดระวัง
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล คือการปฏิเสธโดยผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF จะนำไปสู่การยกเลิกดีลหากดีลนี้สำเร็จ อัตราการจ่ายเงินปันผลของ ADVANC จะปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 70% ในปี 2023 จาก 85% ในปี 2021
กระทบอย่างไร:
วันนี้ ราคาหุ้น ADVANC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.00%DoD สู่ระดับ 206.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 0.27%DoD อยู่ที่ระดับ 1,556.13 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
SCBS คาดว่ากำไร 2Q65 จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ เนื่องจากการแข่งขันยังสูง แต่จะลดลง YoY ขณะที่แนวโน้มธุรกิจในระยะสั้น ระยะกลางจะเผชิญกับความท้าทายจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ สำหรับระยะยาว บริษัทจะเผชิญกับความท้าทายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะธุรกิจ 5G เนื่องจากเชื่อว่าปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญจะมาจากผู้ใช้งานภาคอุตสาหกรรม ซึ่งโอกาสทางธุรกิจในปัจจุบันมีจำกัด
อย่างไรก็ตาม SCBS เริ่มเห็นว่า ADVANC พยายามหาแหล่งรายได้ใหม่จากธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจที่ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือในกลุ่มลูกค้าองค์กร และธุรกิจบริการทางการเงิน (บริษัทร่วมทุนกับ SCB) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในระยะยาวสำหรับบริษัท แม้ว่าอาจจะสร้างส่วนแบ่งกำไรเพียงเล็กน้อยในระยะแรก
นอกจากนี้แล้ว ปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2565 คือดีลระหว่าง TRUE-DTAC ดีลนี้จะส่งผลบวก เนื่องจากจะทำให้การแข่งขันด้านราคาลดน้อยลง อาจส่งผลทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับตัวลดลง
