ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (16 มิถุนายน) ดัชนี SET ฟื้นตัวกลับมาแตะ 1,607.19 จุด เพิ่มขึ้น 13.65 จุด หรือราว 0.7% จากวันก่อนหน้า ซึ่งการฟื้นตัวเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสำคัญอื่นๆ ทั่วโลก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นได้ทั้ง 3 ตลาดหลัก ได้แก่ Dow Jones +1% S&P 500 +1.5% และ Nasdaq +2.5% ส่วนตลาดหุ้นเอเชียที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น +1.5% เกาหลีใต้ +1.5% ไต้หวัน +0.4% จีน +0.2% ฮ่องกง -0.1% ขณะที่ประเทศใกล้เคียงอย่างอินโดนีเซีย +1.5% และฟิลิปปินส์ +0.9%
บล.เคจีไอ ระบุว่า ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวค่อนข้างดี หลังจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ สู่ 1.75% และ Fed ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 27 กรกฎาคม นอกจากนี้กรรมการ Fed ปรับมุมมองต่อดอกเบี้ยสหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 3.40% และปี 2566 น่าจะปรับขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 3.80%
เรามองว่าอีกประเด็นที่เป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงคือ ประมาณการเงินเฟ้อของ Fed ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดย Fed ปรับเพิ่ม Core PCE Inflation ปี 2565 จากเดิม 4.1% เป็น 4.3% ขณะเดียวกันจิตวิทยาของตลาดหุ้นยุโรปดีขึ้น หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงผลประชุมนัดพิเศษ เตรียมแก้เกณฑ์การเข้าลงทุนอีกรอบในบอนด์ของประเทศต่างๆ ในยุโรป เพื่อเตรียมรับมือความผันผวนของตลาดการเงินโดยเฉพาะในประเทศขนาดกลางและเล็ก
ด้านปัจจัยภายในประเทศ เช้าวันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทรงตัวในระดับต่ำที่ 2,153 ราย เสียชีวิต 17 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 2,512 ราย นอกจากนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน ศบค. จะมีการพิจารณาข้อเสนอการถอดหน้ากากในที่สาธารณะโล่งแจ้งอีกด้วย
ด้าน บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณนักลงทุนกังวลถึงการเร่งขึ้นดอกเบี้ยไทยตามขึ้นไปด้วย สะท้อนได้จาก Bond Yield ไทยระยะสั้นปรับตัวขึ้นมาเร็วและสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นแรงกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งการประชุมครั้งหน้าวันที่ 10 สิงหาคม ห่างกับปัจจุบันพอสมควร จึงอาจเห็นการจัดประชุมวาระพิเศษ โดยฝ่ายวิจัยฯ คาด กนง. จะขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง ภายในปีนี้ เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจริงจะกดดันให้เม็ดเงินไหลกลับไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัย และตามกลไกตลาดหุ้นจะถูกซื้อขายบน P/E ที่ลดลง ถ้า กนง. มีการขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง หรือ 0.25% จะกดดันให้ระดับ P/E ซื้อขายลดลงจาก 20.36 เท่า เหลือ 19.38 เท่า หรือต้องใช้ EPS เพิ่มขึ้นถึง 5% ราว 4.5 บาทต่อหุ้น หรือราว 5 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าว และถ้านำ P/E เหมาะสมในแต่ละระดับดอกเบี้ยนโยบายไทยมาคูณกับคาดการณ์กำไรตลาดปีนี้ที่ 88.9 บาทต่อหุ้น จะได้เป้าหมาย SET ปลายปีลดลงจาก 1,810 จุด เหลือ 1,722 จุด แต่ถ้า กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เป้าหมายดัชนีจะลดลงเหลือ 1,643 จุด
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
