วันนี้ (20 พฤษภาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลัง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวอิสระวัย 20 ปี ผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีการโพสต์เฟซบุ๊กไลฟ์ก่อนมีขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2565
โดยวันนี้ พิธาใช้ตำแหน่ง ส.ส. ขอประกันตัวทานตะวันจากที่ก่อนหน้านี้ศาลยกคำร้อง พิธากล่าวว่าเป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางมายื่นประกันตัวทานตะวัน จากที่เคยยื่นเรื่องการสันนิษฐานในความบริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยเคยมีอนุสัญญาในระดับสากลไว้
ล่าสุด ศาลอาญาอ่านคำสั่งหลังวันนี้พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องขอฝากขังต่อด้วย ระบุว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคำร้องและข้อคัดค้านของผู้ต้องหาแล้ว ได้ความจากพนักงานอัยการผู้ร้องว่า ผู้ร้องเพิ่งได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้ร้องจึงไม่อาจที่จะพิจารณาสั่งฟ้องได้ทัน ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ร้องต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการของทางสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน และได้ส่งสํานวนให้ทางคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วในวันเดียวกันหลังจากได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ได้รับสำนวนกลับคืนมา
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลในครั้งนี้อีก 7 วัน และผู้ร้องยืนยันว่า ผู้ร้องเองและคณะกรรมการสามารถดำเนินการพิจารณาสั่งคดีได้แล้วเสร็จภายในกำหนดนี้
ผู้ต้องหาคัดค้านว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนีไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุภยันตรายประการอื่น หากไม่ฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลก็ไม่ได้เป็นเหตุที่จะทำให้ผู้ร้องไม่สามารถที่จะพิจารณาสั่งคดีได้ ขอให้ศาลยกคำร้องขอฝากขัง
ศาลเห็นว่าเมื่อผู้ร้องเพิ่งได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 13.00 น. ทำให้ผู้ร้องไม่อาจพิจารณาสั่งคดีได้ทัน และคดีนี้ก่อนฟ้องคดีผู้ร้องต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการพิจารณาก่อน กรณีจึงเป็นเหตุจำเป็นเพื่อการฟ้องคดี
ส่วนที่ผู้ต้องหาคัดค้านว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุภยันตรายอย่างอื่น จึงไม่มีเหตุที่จะขังผู้ต้องหานั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อได้ตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาแล้วในระยะใดระหว่างสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณา ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ตามมาตรา 87 หรือมาตรา 88 ก็ได้ และให้นำบทบัญญัติในมาตรา 66 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 66 บัญญัติว่าเหตุที่จะออกหมายจับได้ มีดังต่อไปนี้
- เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า บุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี ดังนั้นตามบทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลที่จะขังผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวนหากมีเหตุตามมาตรา 66 เมื่อคดีนี้ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี จึงเป็นกรณีที่ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 ประกอบมาตรา 66 (1) กรณีการฝากขังของผู้ร้องจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ว่าผู้ต้องหาจะมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุภยันตรายอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 ประกอบมาตรา 26
- ตามที่ผู้ต้องหาคัดค้าน จึงเห็นควรอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในครั้งที่ 8 นี้ เป็นเวลา 7 วัน นับแต่วันที่ 23-29 พฤษภาคม 2565 แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิผู้ต้องหาในการ ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 106
ในส่วนคำสั่งประกันตัว ศาลอาญามีคำสั่งว่า ให้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคมนี้ เวลา 10.00 น. และให้ผู้ร้องเสนอพฤติการณ์พิเศษที่เป็นเหตุให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เช่น ผู้ร้องจะเป็นผู้กำกับดูแลพฤติการณ์ของผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิดเพื่อมิให้ผู้ต้องหาทำผิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้อีก และหากผู้ต้องหาผิดเงื่อนไขผู้ร้องจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ให้ผู้ต้องหาและทนายความผู้ต้องหาเสนอเงื่อนไขให้ศาลพิจารณาประกอบในการปล่อยชั่วคราวก่อนหรือในวันนัด แจ้งพนักงานสอบสวนหากจะคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านก่อนหรือในวันนัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับก่อนหน้านี้การฝากขังครั้งที่ 7 ศาลเคยอนุญาตฝากขังเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งวันนี้ที่ศาลอนุญาตฝากขังอีก 7 วันก็จะครบอำนาจการคุมตัวตามกฎหมายที่ควบคุมได้ในชั้นฝากขัง 84 วัน หากพนักงานอัยการยังไม่สามารถยื่นฟ้องทานตะวันได้ ก็จะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาทันที