วันนี้ (12 เมษายน) องค์การระหว่างประเทศจำนวนไม่น้อยคาดการณ์ว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 สัปดาห์ อาจทำให้วิกฤตในเยเมน อัฟกานิสถาน และที่อื่นๆ เลวร้ายลงไปอีก โดยเฉพาะในมิติของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่พุ่งตัวสูงขึ้น ประกอบกับหลายประเทศปรับลดเงินสนับสนุนลง เพื่อมุ่งฟื้นฟูประเทศตนหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ยาวนาน ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมา
ในช่วงเดือนแรกของสงคราม โครงการอาหารโลก (WFP) เข้าถึงผู้คนจำนวนมากในยูเครน เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยยูเครนถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นแหล่งผลิตธัญพืชที่สำคัญของหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่กำลังประสบวิกฤต รวมถึงหลายประเทศในแอฟริกาที่ไม่ได้พึ่งพิงการช่วยเหลือจากโครงการของสหประชาชาติ แต่นำเข้าธัญพืชจากยูเครน ซึ่งหลังจากเกิดภาวะสงครามนี้ ทำให้แหล่งอาหารสำคัญนี้ได้รับผลกระทบ
ทางด้าน ยาน เอกแลนด์ อดีตหัวหน้าทีมฉุกเฉินของสหประชาชาติระบุว่า สงครามที่เกิดขึ้นนับเป็นหายนะสำหรับประเทศยากจนอื่นๆ ทั่วโลก พวกเขากำลังจะอดตาย ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการระดมส่งมอบความช่วยเหลือให้กับประชาชนในยูเครนเป็นอย่างมาก ในขณะที่หลายพื้นที่ก็เผชิญกับวิกฤตที่หนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน
ขณะที่ โรเบิร์ต มาร์ดินี ผู้อำนวยการกาชาดสากล ชี้แจง “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประชาชนในยูเครนสมควรได้รับความช่วยเหลือ ความเอื้ออาทรที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย” แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ความขัดแย้งที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ต้องการความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะมีผู้คนล้มตายเพราะสงครามและความหิวโหยไปมากกว่านี้
ล่าสุด ยอดผู้ลี้ภัยจากยูเครนสูงกว่า 4.54 ล้านรายแล้ว ในจำนวนนี้กว่า 2.6 ล้านรายลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์ ตามมาด้วยโรมาเนีย (6.92 ล้านราย) และฮังการี (4.24 ล้านราย) ด้าน ชาเบีย แมนทู จากองค์กรด้านผู้ลี้ภัยมองว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนในครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ทำให้ประชาคมโลกเข้าใจมิติของผู้ลี้ภัย รวมถึงมิติของบรรดาประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ภาพ: Ronaldo Schemidt / AFP
อ้างอิง: