×

‘เงินบาท’ พลิกแข็งค่าเร็ว ต่างชาติกลับซื้อบอนด์ระยะสั้น ส่วนหุ้นทั่วโลกแกว่งตัวแดนลบ เหตุเจรจาสันติภาพยังไม่ชัด

31.03.2022
  • LOADING...
BAHT

หุ้นทั่วโลกแกว่งตัวในแดนลบ ยังไม่มั่นใจการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะ ‘เงินบาท’ กลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วอีกครั้งจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และเริ่มเห็นแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาในบอนด์ระยะสั้นของไทย

 

บรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยผู้เล่นในตลาดการเงินยังไม่มั่นใจว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้อย่างราบรื่น หลังยังคงมีรายงานการสู้รบในพื้นที่ใกล้เมืองหลวงของยูเครน

 

ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยจากสัญญาณ Inverted Yield Curve ที่เกิดขึ้นในตลาดบอนด์สหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์ระยะสั้นปรับตัวขึ้นสูงกว่าบอนด์ยีลด์ระยะยาว) ซึ่งสะท้อนภาพว่าตลาดกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ Fed อาจกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาดส่งผลให้ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พลิกกลับมาปรับตัวลง -1.21% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงในวันก่อนหน้า

 

ส่วนดัชนี S&P 500 ก็ย่อตัวลง -0.63% โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองตามการรีบาวด์ขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่เริ่มกลับมาแกว่งตัวใกล้ระดับ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง จากรายงานยอดน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ 

 

โดย EIA ที่ลดลงกว่า 3.4 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะลดลงราว 1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่ากลุ่ม OPEC+ จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังคงเผชิญแรงกดดันจากปัญหาการระบาดของโควิดในจีนที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้นในระยะสั้นได้

 

ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX 50 ของยุโรป ก็ปรับตัวลงราว -1.08% เช่นกัน หลังผู้เล่นในตลาดยังไม่มั่นใจการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจของยูโรโซนก็ปรับตัวลดลงหนัก สะท้อนถึงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ ทำให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะขายทำกำไร หุ้นกลุ่ม Cyclical ที่ปรับตัวขึ้นแรงในวันก่อนหน้า สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ยังคงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากการเจรจาสันติภาพยังมีความไม่แน่นอนอยู่ 

 

อย่างไรก็ดี ยังมองว่าธีมการลงทุนระยะยาวที่มีลักษณะเป็น Mega Trend เช่น การลงทุนในพลังงานทางเลือก (Renewable Energy) และธุรกิจ EV ก็ยังเป็นธีมการลงทุนที่น่าสนใจในฝั่งยุโรปที่นักลงทุนอาจใช้จังหวะที่หุ้นยุโรปในกลุ่มดังกล่าวปรับฐานลงมาในการทยอยสะสมการลงทุนในธีมดังกล่าวได้

 

ส่วนทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ ความกังวลโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากสัญญาณ Inverted Yield Curve (บอนด์ยีลด์ระยะสั้นสูงกว่าบอนด์ยีลด์ระยะยาว) ยังคงกดดันทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงสู่ระดับ 2.35% 

 

อย่างไรก็ดี พูนกล่าวว่า Inverted Yield Curve ที่ตลาดจับตามองผ่านส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 2 ปี กับ 10 ปี หรือบอนด์ยีลด์ 5 ปี กับ 30 ปี อาจไม่ได้เป็นสัญญาณชี้นำโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่แม่นยำเหมือนในอดีต เนื่องจากหลังวิกฤตการเงินปี 2008 บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกต่างอัดฉีดสภาพคล่องมหาศาลเข้าสู่ระบบ ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างของตลาดบอนด์ปรับเปลี่ยนไป จึงแนะนำให้จับตา ‘Near-Term Forward Spread’ หรือส่วนต่างระหว่างคาดการณ์ 18 เดือนล่วงหน้าของบอนด์ยีลด์ 3 เดือน กับบอนด์ยีลด์ 3 เดือนปัจจุบัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ Fed จับตาอย่างใกล้ชิด

 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนคาดหวังว่าเศรษฐกิจยุโรปอาจไม่ได้เผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซาหนัก หากการเจรจาสันติภาพยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ ส่งผลให้สกุลเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ปรับตัวแข็งค่าขึ้น กลับมาสู่ระดับ 1.115 ดอลลาร์ต่อยูโร และ 1.313 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 

 

ส่วนเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ไม่ได้อ่อนค่าไปมากนัก และล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 97.80 จุด ทั้งนี้ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป ได้หนุนให้ราคาทองคำสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

 

สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะจับตาแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป PCE ว่าจะปรับตัวขึ้นอย่างไร โดยเบื้องต้นตลาดคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คึกคักมากขึ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น จะทำให้อัตราเงินเฟ้อ PCE แตะระดับ 6.4% ในเดือนมีนาคม สร้างแรงกดดันให้ Fed กังวลปัญหาเงินเฟ้อมากขึ้น และทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยได้ 0.50% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม 

 

ส่วนในฝั่งเอเชีย นักวิเคราะห์มองว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนอาจยังคงชะลอตัวจากผลกระทบของการระบาดโอมิครอนระลอกใหม่และมาตรการ Zero COVID สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ที่จะปรับตัวลงสู่ระดับ 50 จุด และ 50.6 จุด ตามลำดับ (ดัชนีสูงกว่า 50 จุด หมายถึงภาวะขยายตัว) ที่ชี้ว่าภาคการผลิตและการบริการขยายตัวในอัตราชะลอลง ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิดในจีนอย่างใกล้ชิด เพราะหากเศรษฐกิจจีนซบเซาหนักก็อาจกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจเอเชียและเศรษฐกิจโลกได้

 

นอกจากนี้สถานการณ์สงครามและการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ล่าสุดยังคงมีการสู้รบในพื้นที่ใกล้เมืองหลวงของยูเครน แม้ว่าก่อนหน้าทางการรัสเซียจะประกาศลดปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่รอบเมืองหลวงยูเครนก็ตาม ทำให้การเจรจาระหว่างสองฝ่ายยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่สูง

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทเชื่อว่าจะผันผวนในกรอบกว้าง หลังจากที่วันก่อนหน้า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ รวมถึงมุมมองของ กนง. ที่ยังคงมองภาพเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องและมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงไม่มากนัก

 

อย่างไรก็ดี เรามองว่าภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดจากความไม่แน่นอนของสงครามอาจกดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง แต่เชื่อว่าเงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมาก เพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง 

 

ขณะเดียวกัน เริ่มเห็นแรงซื้อบอนด์ระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติสุทธิกว่า 7 พันล้านบาท ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา สะท้อนว่าแรงขายบอนด์ระยะสั้นซึ่งปกติมักจะสะท้อนภาพการอ่อนค่าของเงินบาทอาจเริ่มลดลงในช่วงนี้ได้ 

 

สำหรับแนวรับของเงินบาทในช่วงนี้จะอยู่ที่ 33.00-33.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน และผู้นำเข้าส่วนใหญ่ต่างก็รอจังหวะเงินบาทแข็งค่าเพื่อทยอยแลกเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.15-33.40 บาทต่อดอลลาร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X