ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงในวันนี้ (15 มีนาคม) ปิดตลาดลดลงเกือบ 6% มาอยู่ที่ระดับ 18,415 จุด ลดลง 1,116 จุด หรือ 5.72% โดยในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ดัชนีร่วงลงมาแล้วกว่า 12%
ขณะที่ Bloomberg ระบุว่า การดิ่งลงของดัชนีในรอบนี้ถือว่าหนักที่สุดนับแต่วิกฤตการเงินเมื่อปี 2008 โดยหุ้นอย่าง Alibaba และ Tencent ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกงเป็นตัวนำลงมาในรอบนี้
ความกังวลล่าสุดที่เกิดขึ้นมาในตลาดคือความเสี่ยงที่จีนยังคงไม่มีท่าทีจะสนับสนุนการคว่ำบาตรรัสเซียที่อาจจะนำมาซึ่งการคว่ำบาตรจีนเพิ่มเติมในอนาคต รวมถึงความกังวลที่หุ้นจีนอาจจะถูกถอดออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า จีนไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะบ่อนทำลายกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศและกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในทุกประเทศ
“แรงขายรุนแรงเกินไปมาก ตลาดกำลังบ้าคลั่งมากจนเกินเรื่องของปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว มันอาจจะแย่กว่าวิกฤตการเงินในปี 2008 ด้วยซ้ำ” แอนดี เมย์นาร์ด หัวหน้าฝ่ายตลาดทุนของ China Renaissance Securities กล่าว
ขณะที่ หยูหยิงป๋อ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของ Shenzhen Qianhai United Fortune Fund Management กล่าวว่า เมื่อศรัทธาหมดไป ผู้คนก็พร้อมที่จะเห็นแต่ด้านลบในทุกๆ สิ่ง บางคนอาจจะระแวงแม้กระทั่งตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี
ล่าสุด Sentiment ต่อหุ้นเทคโนโลยีของจีนเปลี่ยนเป็นความกลัว หลังจากที่ความกังวลต่อการที่จีนจะถูกคว่ำบาตรเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่จีนให้ความช่วยเหลือรัสเซียในการทำสงครามที่เกิดขึ้น
การดิ่งลง 11% ของดัชนี Hang Seng Tech เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 มีนาคม) นับเป็นการดิ่งลงมากสุดในหนึ่งวันหลังจากที่ดัชนีดังกล่าวถูกจัดทำขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 ขณะที่นักวิเคราะห์ของ JPMorgan Chase & Co. มองว่า หุ้นอินเทอร์เน็ตของจีนบางตัวเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุน
ขณะที่ ซีซาร์ พีเรซ รูซ หัวหน้าฝ่ายลงทุนของ Pictet Wealth Management ระบุว่า “เราให้น้ำหนักหุ้นจีนต่ำกว่าตลาดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีจะยังคงย่ำแย่ต่อไปจากเรื่องของกฎเกณฑ์ รวมถึงความเสี่ยงจากการถูกถอดออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และการเทขายหุ้นโกรธเนื่องจากดอกเบี้ยที่กำลังเพิ่มขึ้น”
ในขณะที่นักกลยุทธ์ของ Goldman Sachs ได้ปรับลดมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนลงบางส่วน โดยรวมยังคงให้น้ำหนักหุ้นจีนมากกว่าตลาด เนื่องจากโอกาสในการเติบโตในอนาคต การผ่อนคลายนโยบาย อย่างไรก็ตาม ด้วยความเสี่ยงและบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในขณะนี้ทำให้ปรับลดเป้าหมายมูลค่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้าลงจาก 14.5 เท่า มาอยู่ที่ 12 เท่า
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-15/china-tech-stocks-tumble-after-historic-rout-as-risks-mount?srnd=markets-vp&sref=CVqPBMVg
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-14/china-s-tech-rout-deepens-amid-lockdown-geopolitical-worries?sref=CVqPBMVg
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP